รีเซต

"มาริษ" เยือนสวีเดนแล้ว ไปสวิตเซอร์แลนด์ต่อ ชี้แจงนานาชาติให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

"มาริษ" เยือนสวีเดนแล้ว ไปสวิตเซอร์แลนด์ต่อ ชี้แจงนานาชาติให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา
TNN ช่อง16
24 สิงหาคม 2568 ( 17:21 )
9

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตร์ของการใช้วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย 

เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน ICRC พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบาย ทั้งสองประการเหล่านี้เพราะ ICRC เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยันในท่าทีบทบาทของประเทศไทยที่ชัดเจนว่า เราเป็นประเทศที่รักสันติ เราต้องการแก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ และเราก็ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งยูเอ็นชาร์เตอร์ และหลักการของอาเซียน ซึ่งสิ่งที่ตนกังวล คือการใช้สงครามข่าวสารที่จะทำให้สังคมมีความแตกแยกยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เป็นสิ่งที่ดีและปรารถนา เพราะไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ

ส่วนที่กัมพูชา รับข้อตกลง 3 ข้อในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ตรงนี้เป็นผลมาจากการกดดันในทุกด้าน ด้วยการใช้มาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการทางการทูต การต่างประเทศสอดคล้องและสนับสนุนมาตรการทางทหาร ขณะเดียวกันมาตรการทางทหารก็สนับสนุนทำให้ความสำเร็จของรัฐบาลในการชี้แจงให้ชาวโลกได้เข้าใจข้อเท็จจริงทั้งหมด ซึ่งการทำงานทั้งสองด้านขณะนี้ไปด้วยกัน ทำให้ประชาคมโลกได้เข้าใจในความตั้งใจของรัฐบาลไทยว่า เราเป็นประเทศที่รักสันติ จะเห็นได้ว่าการปฏิบัติการทางทหาร ไม่ได้ถูกประเทศไหนตำหนิเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนได้เดินสายที่ทุกประเทศเข้าใจว่า การใช้มาตรการทางของเราเป็นการตอบโต้ตามสัดส่วนความเป็นจริง ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะทำลายล้างฝ่ายพลเรือน ดังนั้น สิ่งที่ตนเตรียมมาชี้แจง ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะทำให้ประชาคมโลกเข้าใจถึงแนวทางและท่าทีของประเทศไทย ซึ่งดำเนินการทุกอย่างสอดคล้องกับความตกลงระหว่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง