(เครดิตภาพหน้าปก : Pixabay)(เครดิตภาพ : Pixabay) หลังจากการทำงานเหนื่อย ๆ หรือ เรียนเหนื่อย ๆ มาทั้งวัน ไม่ว่าใครก็อยากล้มตัวนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง นอนสไลด์มือถือผ่านตาไปเรื่อย ๆ หรือกลับมานอนบนเตียงอ่านหนังสือ นิยายที่ชอบไปเรื่อย ๆ โง่ ๆ อยู่บนเตียง ถือเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุดหลังจากทำกิจกรรมต่าง ๆ มามากมายในแต่ละวัน ดังนั้นเตียงจึงเป็นสถานที่พักผ่อน เติมพลังกับเราได้ดีที่สุด แต่หลาย ๆ คนอาจจะเกิดปัญหาก็คือ ทำไมนอนแล้วคัน ทำไมตื่นมาแล้วหายใจลำบาก มีอาการคัดจมูก ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้เป็นไข้ หรือเป็นหวัดใด ๆ เลย หลาย ๆ คนอาจจะคิดถึงสาเหตุไปต่าง ๆ นานา ไม่ว่าจะตากฝน หรือเดินกลางแดดที่ร้อนไป หรืออยู่ในห้องแอร์ที่เย็นจัด จริง ๆ แล้วเมื่อเราลองค้นหาสาเหตุกลับไม่พบเจอสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเราเลยก็ได้ แต่คุณอาจจะมองข้ามไป ในสิ่งที่ใกล้ตัวคุณมากที่สุด นั่นก็คือเตียงของคุณนั่นแหละ มันมีปัญหาอย่างหนึ่ง ที่เรามองไม่เห็น นั่นก็คือ ไรฝุ่นไรฝุ่น(เครดิตภาพ : Pixabay) ไรฝุ่น (Dust Mites) เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋ว ที่เล็กกว่ามดซะอีก ไรฝุ่นเป็นแมลงอยู่ในกระตูลจำพวกเห็บต่าง ๆ ซึ่งมีขนาดเล็กมาก ๆ เล็กจนไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่า เรียกได้ว่าถ้าเราลองตบเตียงแรง ๆ แล้วมีฝุ่นฟุ้งกระจายออกมา ในนั้นอาจจะมีไรฝุ่นด้วยก็ได้ ไรฝุ่นอาศัยอยู่ในบ้านเรือน ตามสิ่งของที่เป็นจำพวกผ้าหรือพรมต่าง ๆ ซึ่งสามารถอาศัยอยู่ได้ทุกสภาพอากาศ และเจริญเติบโตได้ดีในอุณภูมิประมาณ 19-29 องศา !! นั่นหมายความว่ามันอยู่ได้เกือบทั้งหมดของบ้านเลย เพราะส่วนใหญ่ถ้าเราเปิดแอร์ในบ้านก็ 25 องศา หรือเปิดแต่พัดลมในบ้าน อุณหภูมิก็จะประมาณ 28-29 องศา ภายในตัวบ้านเท่านั้น นอกจากนี้อาหารของไรฝุ่นยังเป็นผิวหนังของนมุษย์ที่ผลัดเซลล์ออกมานั่นเอง นั่นหมายความว่า ไม่ว่าที่ ๆ เรานั่งนอนเล่นอยู่เป็นนาน ๆ ก็อาจจะมีไรฝุ่นอยู่ด้วยทั้งหมด ! โอ้โห อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะตกใจเลยก็ได้ เพราะมันเป็นตัวปัญหา ที่มองไม่เห็นจึงทำให้กำจัดได้ยากมาก ๆ อาการต่าง ๆ ที่เกิดจากไรฝุ่น(เครดิตภาพ : Pixabay) ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเรา สาเหตุจากไรฝุ่น ก็มีทั้ง ไอ จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก มีเสมหะ คันตา น้ำตาไหล ตาแดง หรือแม้กระทั่งทำให้ตาบวม ซึ่งอาการเหล่านี้ สำหรับคนที่มีภูมิร่างกายเป็นอย่างดี อาจจะไม่เกิดมากเท่าคนที่เป็นภูมิแพ้ และด้วยสาเหตุอาการเหล่านี้ อาจจะนำพาเราไปสู่โรคหืดเลยก็ได้ และสำหรับคนที่ร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว ไม่ได้มีผลกระทบมากกับอาการเหล่านี้ คิดว่าไม่เป็นอะไร แต่เปล่าเลย ลองคิดดูว่าถ้าหากเรานอนกับตัวเหล่านี้ไปทุก ๆ วัน วันละ 7-8 ชั่วโมง โดยไม่มีการทำความสะอาดเลย มันจะเพิ่มขึ้น เจริญเติบโตขึ้นทุก ๆ วัน และการพลิกตัวของเราในแต่ละครั้งในการนอนนั้น ทำให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจายมา โดยที่เราไม่เห็น และเราสูดดมมันไปตลอดเวลา และที่สำคัญ ในตัวไรฝุ่น สิ่งที่ทำให้เราเกิดอาการต่าง ๆ ไม่ใช่ตัวไรฝุ่น แต่เป็นอุจจาระ หรือ ขี้ของมัน โดยปกติแล้วต่อการฟุ้งกระจายของฝุ่นอาจจะแปป ๆ ก็หายแต่ตัวไรฝุ่นและอุจจาระของมันฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศได้ถึง 10 นาที ดังนั้นต่อการหายใจของเรา คิดง่าย ๆ หายใจ 10 ครั้ง เราเอาอุจจาระของไรฝุ่นเข้าไปในตัวขนาดไหนกันแล้ว (คิดตามแล้วขนลุกเลย) ดังนั้นหากใครที่สุขภาพดี ไม่เป็นภูมิแพ้ แต่ถ้าไม่ทำความสะอาดเลย ละเลยมันทุกครั้ง ไม่แน่นาน ๆ ไปคุณอาจจะเสียใจ ที่ไม่ตระหนักถึงภัยที่มองไม่เห็นนี้ วิธีกำจัด (เครดิตภาพ : Pixabay) ต้องบอกตามตรงว่า ไรฝุ่นนั้นไม่สามารถกำจัดออกไปทั้งหมดได้ เพราะมันสามารถเจริญเติบโตได้ดี ในความชื้นรวมไปถึงอุณหภูมิที่เหมาะสม ดังนั้นไม่ว่าการนอนของเราก็ทำให้เกิดความชื้นได้ และด้วยอุณหภูมิของบ้านนั้นเป็นแหล่งเพาะพันธ์อย่างดีเลย ถึงแม้ว่าเราไม่สามารถกำจัดออกไปได้แต่เราก็สามารถลดจำนวนของมันได้ ใช้ผ้าปูที่นอนหรือเครื่องนอนกันไรฝุ่น แต่ถ้าไม่มีก็หลีกเลี่ยงเครื่องนอนประเภทนุ่นต่าง ๆ ผ้าปูที่นอนหรือเครื่องนอนต่าง ๆ ควรซักบ่อย ๆ อาทิตย์ละครั้งเป็นอย่างต่ำ และควรซักด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิ 60 องศา สำหรับเครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ ๆ ก็ไม่ยาก เพราะสามารถปรับอุณหภูมิได้ แต่ถ้าหากใครไม่มีก็สามารถปั่นแห้งได้ โดยควรปั่น 10-15 นาทีขึ้นไป หรือถ้าหากใครยังไม่สะใจก็ควรนำเครื่องนอนต่าง ๆ ของเราไปตากแดดจัด ๆ วันละ 1-2 ชั่วโมงได้เลย ตัวห้องนอนหรือสถานที่ ๆ จะเกิดไรฝุ่นเราควรจัดให้เป็นแบบโล่ง ไม่แออัดและมีของเยอะเกินไปในแต่ละวันควรเปิดหน้าต่างหรือให้แสงแดดเข้ามา มีอากาศถ่ายเทได้ดีทำความสะอาดบ้านบ่อย ๆ ในการทำความสะอาดแต่ละครั้งควรใช้นำ้ยาทำความสะอาดด้วย ตัวช่วยที่สำคัญที่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นแล้วก็คือ เครื่องดูดฝุ่น ที่สามารถดูดบริเวณเตียงและดูดฝุ่น ๆ เล็ก ๆ ต่าง ๆ ออกมาด้วย เมื่อทำการดูดแล้วจะเห็นได้ว่าฝุ่นบริเวณเตียงหรือโซฟาของเรานั้น อาจจะมีมากกว่าการดูดฝุ่นทั้งบ้านเลยทีเดียว ซึ่งราคาเครื่องดูดฝุ่นชนิดนี้ในปัจจุบันไม่ได้แพงมาก สามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ เลย และอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยลดไรฝุ่นในบ้านของเราได้นั่นก็คือ แอร์ ที่ติดตั้งในบ้านของเรานั่นเอง ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน ตัวแอร์ที่ติดตั้งในบ้านของเรา ซึ่งควรเป็นมาตรฐาน Merv ในระดับ 11-12 ซึ่งจะมีโหมดซึ่งเป็นโหมดป้องกันไรฝุ่น หรือเป็นการพัดลมเย็นโดยไม่มีความชื้น และโหมดที่เป็นการเปิดพัดลมกรองอากาศ โดยการเปิดประมาณต่อวัน 1-2 ชั่วโมง ก็จะช่วยได้ (หากไม่ทราบข้อมูลสามารถสอบถามทางพนักงานขายได้)(เครดิตภาพ : Pixabay) และที่สำคัญบ้านที่มีลูกเล็กควรทำเป็นอย่างมาก เพราะเด็ก ๆ ยังไม่มีภูมิคุ้มกันเท่าผู้ใหญ่ จึงอาจจะเกิดอาการแพ้ได้มากกว่า ดังนั้นหากเราต้องการพักผ่อนอย่างสบายใจ คลายความกังวลแล้วละก็ควรหมั่นทำตามวิธีข้างต้นที่ผู้เขียนได้บอกเอาไว้เป็นประจำ ก็จะช่วยลดตัวปัญหาที่มองไม่เห็นเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน