ขังเดี่ยว พ.ต.ท.บรรยิน ส่องพฤติกรรม 24 ชม. หลังวางแผนแหกคุก
วันนี้ ( 21 มิ.ย. 63 )พ.ต.อ. ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีที่ พันตำรวจโทบรรยิน ตั้งภากรณ์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกับพวกอุ้มฆ่าพี่ชายของผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ วางแผนให้ลูกน้องพาหลบหนีออกจากเรือนจำว่า ขณะนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนในทางลับ โดยร่วมกับตำรวจ เพื่อสืบหาข้อเท็จจริง จึงไม่ขอยืนยันถึงการวางแผนแหกคุก แต่ยืนยันว่าทางกรมราชทัณฑ์มีมาตรการในการดูแลนักโทษ และได้สั่งการให้เฝ้าระวังตรวจสอบเรื่องนี้เป็นพิเศษ
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยังเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ย้าย พ.ต.ท.บรรยิน ไปควบคุมที่เรือนจำกลางบางขวาง ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา และไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมยกเว้นทนายความ รวมทั้งมีการแยกขัง เพื่อไม่ให้ติดต่อกับผู้ต้องขังรายอื่น ๆ ป้องกันการติดต่อกับบุคคลภายนอก และสั่งการให้เรือนจำกลางบางขวาง เฝ้าติดตามพฤติกรรม และประเมินอารมณ์อย่างใกล้ชิด ผ่านกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ด้าน พล.ต.ต. จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า ตำรวจทราบแผนการหลบหนี พ.ต.ท.บรรยิน จากการสอบสวนขยายผลการจับกุมนายสุธน หรือโจ ผู้ต้องหาในคดีอื่น ซึ่งให้การว่า พ.ต.ท.บรรยิน มีการวางแผนตามที่เป็นข่าวจริง ซึ่งกองปราบอยู่ระหว่างการสืบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า คำให้การของนายโจ ว่าเป็นจริงมากน้อยเพียงใด และหากพบว่าจริง ต้องนำมาพิจารณาตามข้อกฎหมายอีกว่าจะสามารถจะดำเนินคดีเพิ่มเติมกับใครอีกได้บ้าง พร้อมยอมรับว่าคดีนี้เป็นคดีสำคัญ ที่ผ่านมามีการส่งกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษ หน่วยหนุมานเข้าไปสนับสนุนตำรวจท้องที่ และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกครั้งที่ต้องคุมตัว พันตำรวจโทบรรยิน ไปขึ้นศาล
นอกจานี้ยังมีรายงานว่า ตำรวจมีหลักฐานที่ นายสุธน หรือโจ พยายามขอความช่วยเหลือจากอดีต สส.รายหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อให้พาตัว พ.ต.ท.บรรยิน ออกจากเรือนจำจริง แต่นักการเมืองรายนี้ไม่ยอมร่วมด้วย หลังจากนี้ต้องเชิญอดีตนักการเมืองนี้มาสอบสวน รวมถึงทนายความที่นายโจ ให้การอ้างว่าพันตำรวจโทบรรยิน เป็นผู้ประสานให้มาช่วยเหลือเรื่องขอประกันตัวนายโจออกไป เพื่อดูว่ามีส่วนรู้เห็นกับแผนการชิงตัวนักโทษหรือไม่
โดยในวันพรุ่งนี้(22 มิ.ย.) เวลา 10.00น. ตำรวจกองปราบเตรียมเรียกประชุม เพื่อพิจารณาความผิดในดคีแผนชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน น เบื้องต้นพบว่าน่าจะเข้าข่ายความผิดคดีอาญา ข้อหากระทำให้ผู้ถูกคุมขังตามอำนาจศาล หลุดพ้นจากการคุมขัง ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และเป็นผู้ใช้ /จ้างวาน ซึ่งพฤติกรรมของผู้ต้องหามีลักษณะเป็นผู้ใช้ จ้างวาน ก็จะต้องรับโทษ 1 ใน 3 ของความผิด แม้ว่าเหตุดังกล่าวจะยังไม่เกิดขึ้นก็ตาม