"อ้าวหนู! ทำไมไม่ช่วยพ่อแม่ทำงานละลูก เป็นเด็กต้องรู้จักช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านบ้างนะลูกนะ"เสียงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกล่าวทักทายเด็กชายวัย 10 ขวบ ซึ่งกำลังเดินข้างๆ หญิงสาววัยทำงานซึ่งเป็นแม่ของเด็กคนดังกล่าว พร้อมกับทักทายแม่ของเด็ก สลับกับมองหน้าเด็กชายและหัวเราะกับแม่ของเด็กด้วยความสนุกสนานเด็กชายได้แต่ยิ้มเขินๆ และก้มหน้า ในขณะที่ความรู้สึกของเด็กชายได้แต่สงสัยและครุ่นคิด พร้อมกับนึกได้ว่าคงเป็นแม่ของเขาเองที่ถ่ายรูปตนแล้วนำไปโพสต์ลงสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่มาพร้อมกับแค็ปชันที่เศร้าปนตลก และคงจะน่าขบขันน่าดู และครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกแต่อย่างใด แต่ทำไมละ? เรื่องในบ้าน เรื่องของเด็กชายแท้ๆ ทำไมคนอื่นต่างมองเป็นเรื่องสนุกสนาน ไม่เป็นส่วนตัวอีกต่อไป นั่นทำให้เห็นว่า พ่อแม่เคารพสิทธิของลูกดีพอ หรือเคารพสิทธิของลูกบ้างหรือไม่เด็กๆ ในยุค สื่อโซเชียลมีเดียทุกวันนี้การเป็นที่รู้จักในหมูวงศาคณาญาติคงน้อยไป บางคนนอกเหนือจากญาติแล้ว ยังเป็นที่รู้จักของเพื่อนของแม่ ของพ่อ ของปู่ ของย่า เพื่อนย่าของย่า เพื่อนแม่ของแม่ของแม่ นั่นหมายความว่า จำนวนการ Follow ของสื่อโซเชียลมีเดียญาติเด็กแต่ละคนมากเพียงใด การเป็นคนดังยิ่งมีมากขึ้น และในทางกลับกัน สิทธิส่วนบุคคลยิ่งมีน้อยลงเท่านั้น ทั้งนี้ความโด่งดังก็ขึ้นอยู่กับพ่อ หรือแม่ หรือญาติเองที่โพสต์ และแชร์รูปภาพของเด็ก รูปภาพลูกหลานตนเองลงไป พ่อแม่บางคนโพสต์รูปลูกที่แสนจะน่ารักวัยกระเตาะกระแตะ พร้อมกับภูมิใจในยอดไลค์และยอดคอมเมนต์ที่ต่างชื่นชมความน่ารักของลูกตนเอง แต่เมื่อเด็กเหล่านั้นโตขึ้นมา ภาพน่ารักๆ สำหรับพ่อแม่นั้น อาจจะไม่น่ารักสำหรับตัวเด็กเองก็ได้ แต่อาจจะนำมาซึ่งการบุลลี่ (Bully) การถูกล้อเลียน ด้วยรูปภาพในวัยเด็กของพ่อแม่ตนเองก็ได้ซึ่งเมื่อไม่นานที่ผ่านมามีคุณแม่ดาราสาวท่านหนึ่งโพสต์ภาพตนเองพร้อมกับลูกวัยแรกคลอดแต่ไม่เปิดเผยใบหน้า ซึ่งเป็นที่สงสัยกับเหล่าบรรดาแฟนคลับและกลุ่มสื่อมวลชนมากมายว่าจะมีโอกาสได้เห็นหน้าตาน่ารักของเด็กหรือไม่ ซึ่งดาราสาวคนดังกล่าวได้ให้คำตอบไว้ว่า "อาจจะไม่ได้เห็น" เนื่องจากว่านี่คือการให้ความสำคัญกับสิทธิขั้นพื้นฐานที่เด็กจะได้รับจากผู้เลี้ยงดู 70 เปอร์เซ็นต์ซึ่งก่อนหน้าจะมีข่าวของดาราสาวท่านนี้ ผู้เขียนในฐานะที่เป็นแม่คน เป็นคนนึงที่ชอบถ่ายรูปลูกน่ารักๆ (ในมุมความคิดของผู้เขียนเองว่า ลูกเราน่ารักจังเลยลูกกกก) ได้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว พฤติกรรมที่ว่าคือการถ่ายรูปลูกของผู้เขียนโพสต์เขียนแค็ปชันน่ารัก แค็ปชันแสดงความรักต่อลูกบางรูปหยิกแกมหยอก บางรูปทำให้เกิดความขบขันต่อผู้ที่เห็น ได้รับการกดถูกใจ ได้รับคอมเมนต์ในเชิงบวกมากมาย แต่ก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า หากลูกโตขึ้นลูกจะยังรู้สึกดีกับรูปภาพในวัยเด็กของเขาอยู่หรือไม่ ซึ่งผู้เขียนเล็งเห็นแล้วว่า การเคารพสิทธิของลูก การไม่โพสต์ภาพลูก การให้ลูกมีชีวิตเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา เมื่อคราวที่ผู้เขียนอยากโพสต์รูปลูกจริงๆ ผู้เขียนจะขออนุญาตกับลูกก่อนเสมอ เพราะเมื่อลูกโตขึ้นเขาอาจจะได้เห็นรูปของเขาเองในแบบที่เขาได้เคยเห็นมาก่อนแล้ว เขายอมรับได้ เขารู้สึกดีกับภาพๆ นึงในตัวตนของเขาเอง แต่ผ่านเรื่องราวของแม่ของเขาที่มีแต่ความรักและความผูกพันธ์ซึ่งกันและกัน นั่นคือความสัมพันธ์ที่ดีสำหรับครอบครัว เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของครอบครัวที่แท้จริงนั่นเองปล.รูปภาพทั้งหมดผู้เขียนเป็นผู้ถ่ายเองร่วมเสพบทความ หนัง เพลง และซีรีส์ใหม่ ๆ สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !