ขอขอบคุณภาพจาก pixabay ในขณะนี้ เราจะเห็นได้ว่าการศึกษาไม่ได้แคบเหมือนสมัยก่อนแล้ว โดยมีการเปิดสอบตรงมากมายตามแต่มหาลัยจะเปิดรับสมัคร แต่บางคนอาจจะไม่รู้ว่ามหาลัยชั้นนำอย่างมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น ได้มีการเปิดสอบคณะภาคอินเตอร์กันมากขึ้นสำหรับผู้ที่มีความสนใจในด้านภาษาอังกฤษแล้วได้เรียนคณะที่สนใจได้อีกด้วย ซึ่งจะมีการจัดสอบในทุก ๆ เดือนเลยคือ CU-TEP และ TU-GET เป็นตัวหลักที่ผู้ต้องการยื่นเรียนต่อภาคอินเตอร์ทุกคณะนั้นต้องยื่น แล้วบางคณะที่เป็นสาขาเฉพาะ อาจจะต้องไปสอบเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้ เช่น คณะบัญชี จะต้องมีผลสอบ CU-AAT และ SMART ONE เป็นต้น ขึ้นอยู่ว่าอยากจะเข้ามหาลัยไหน แต่อย่างไรก็ดี ก็มีคนจำนวนไม่น้อยออกมาโต้เถียงกันเรื่องการสอบ CU-TEP กับ TU-GET อันไหนง่ายกว่ากันแน่ เด็ก ม.ปลาย อาจจะต้องสงสัยกันเป็นธรรมดา วันนี้ทางผู้เขียนจะมารีวิวจากประสบการณ์ผู้เขียนที่เคยสอบทั้งสองอย่างนี้มาแล้ว ลองมาเปรียบให้ฟังกันดู ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปดูกันเลยค่า เดี่ยวมาทำความรู้จักกันคร่าว ๆ ก่อนดีกว่าว่า CU-TEP และ TU-GET คืออะไรกันขอขอบคุณภาพจาก ศูนย์ทดสอบทางวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยCU-TEP (Chulalongkorn University Test Of English Proficiency) เป็นแบบทดสอบด้านภาษาอังกฤษสำหรับศึกษาต่อปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยข้อสอบจะมี 4 พาร์ทใหญ่ ๆ ด้วยกันเลยคือ Listening, Reading, Writing และ Speaking แต่ในส่วน Speaking จะเปิดให้กับผู้ที่อยากสอบเท่านั้น หลักๆ จะมีอยู่ 3 พาร์ทใหญ่เลย Listening, Reading, Writing นั่นเอง ถ้าคนที่ไม่ถนัด Listening อาจจะยากแน่ ๆ เพราะคนไทยไม่ค่อยได้คุยกับคนต่างชาติมากเท่าที่ควร แต่ถ้าคนถนัดพาร์ทนี้ได้ คะแนนก็สูงมากทีเดียว โอกาสจะติดมหาลัยนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก คะแนนเต็ม 120 คะแนน โดยคะแนนขั้นต่ำที่ใช่ยื่นเลยอยู่ 60 คะแนนขึ้นไป เวลาในทำข้อสอบ 3 ชั่วโมงขอขอบคุณภาพจาก Language Institute Thammasat UniversityTU-GET (Thammasat University Greduate English Test) เป็นแบบทดสอบด้านภาษาอังกฤษสำหรับศึกษาต่อปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยข้อสอบจะมี 2 พาร์ทใหญ่ ๆ เลยคือ Reading และ Writing เท่านั้น คะแนนเต็ม 1000 คะแนน โดยขั้นต่ำคะแนนของแต่ละคณะที่รับจะอยู่ที่ 500-600 คะแนน ถ้าต่ำกว่านั้นประทาน 450 คะแนน อาจจะต้องมีการเรียนเสริมขึ้นอยู่กับคณะที่ยื่น เวลาในทำข้อสอบ 3 ชั่วโมงขอขอบคุณภาพจาก pixabay ถ้าเห็นรวม ๆ แล้ว ทุกคนคงจะคิดว่า TU-GET ง่ายกว่า แต่มันไม่ใช่เลย โดยผู้เขียนคิดว่ามันขึ้นอยู่กับความถนัดแต่ละคนมากกว่า ซึ่ง TU-GET จะเน้นยากไปทาง Reading เป็นส่วนใหญ่ บอกเลยว่า อ่านธรรมดาคงไม่ทันแน่ ๆ แต่ทางกลับกัน CU-TEP ถึงจำนวนข้อสอบจะน้อยกว่า แต่บอกเลย Listening โหดมาก แล้วคนส่วนใหญ่มักตกพาร์ทนี้กันเยอะ รวม ๆ แล้ว ยากกันคนละแบบนั่นเอง ขึ้นอยู่กับความสามารถแต่บุคคลแล้วล่ะ สำหรับผู้เขียนถนัด TU-GET เพราะเป็นคนอ่านหนังสือเร็วเลยทำส่วนพาร์ท Reading ได้เยอะ เป็นต้น เป็นยังไงกันบ้างสำหรับบทความที่เราได้นำเสนอกันไปในวันนี้ อาจจะพอเป็นความรู้ให้ใครหลาย ๆ คนไม่มากก็น้อยนะคะ สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อน บายค่า