'กัลฟ์' จับมือ 'ไบแนนซ์' ลุยตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล 'บิทคับ' ผนึก 'ทองแตง' เอ็มโอยูตั้งบริษัทร่วมทุน
เมื่อวันที่ 18 มกราคม น.ส.ยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมาว่า กัลฟ์ได้ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เรื่องการลงนามบันทึกความร่วมมือในการร่วมลงทุนธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย โดยบริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด เป็นบริษัทย่อย บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับกลุ่มไบแนนซ์ (Binance) เพื่อร่วมกันศึกษาและจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในประเทศไทย เนื่องจากกัลฟ์เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในประเทศไทย โดยความร่วมมือกับ Binance จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนของประเทศ จากการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความพร้อมในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมาตอบสนองความต้องการดังกล่าว
น.ส.ยุพาพินกล่าวว่า กัลฟ์เชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้เป็นการผนึกความแข็งแกร่งจากทั้งสองบริษัท เนื่องจากบริษัทมีประสบการณ์และความชำนาญในการพัฒนาและบุกเบิกธุรกิจใหม่ในประเทศ โดยมีเครือข่ายพันธมิตรแข็งแกร่งทั้งภาคธุรกิจและภาคการเงิน ในขณะที่ Binance มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึง Binance ยังเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการเติบโตเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์และมีปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก
วันเดียวกัน ณ ห้องบอลรูม ชั้น 5 โรงแรม ไฮแอท รีเจนซี กรุงเทพฯ สุขุมวิท นายวิชัย ทองแตง ผู้บริหารกลุ่มทองแตง และนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Group CEO ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ Bitkub แถลงข่าวลงนามบันทึกความตกลงร่วมกัน (เอ็มโอยู) ในการตั้ง Bitkub World Tech (บิทคับ เวิลด์เทค) บริษัทร่วมลงทุนระหว่างบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และกลุ่มทองแตง
นายวิชัย ทองแตง ผู้บริหารกลุ่มทองแตง เปิดเผยว่า การร่วมกันในครั้งนี้ ถือว่าเป็นเชื่อมสะพานระหว่างคนยุคเก่าและคนยุคใหม่ว่าสามารถทำได้ ถ้าเราเปิดใจและมองภาพอนาคตร่วมกัน พบว่ากระบวนการเปลี่ยนถ่ายของเทคโนโลยีขาดไปสิ่งหนึ่งคือ คุณธรรมและจริยธรรม โดยสามารถนำองค์ความรู้จากบิทคับหล่อหลอมและถ่ายทอดสู่รุ่นใหม่ จึงได้เกิด บิทคับ เวิลด์เทค ขึ้น
“เรามองที่บิทคับ เพราะได้ศึกษามาพอสมควร อยากจะขยายความร่วมมือไปทุกหย่อมหญ้า เดิมเรามองว่าบิทคับมีความโด่งดังเรื่องดิจิทัล แต่ดิจิทัลไม่ได้ตอบโจทย์ทั้งประเทศ กลุ่มทองแตงและบิทคับจะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับสังคม และประเทศชาติ” นายวิชัยกล่าว
นายวิชัยกล่าวว่า ได้กำหนดปฏิญาณ 3 ข้อ ร่วมกัน คือ 1.จะไม่ใช้เทคโนโลยีเพื่อการโกง 2.เรียนรู้และสร้างสรรค์อย่างมีคุณธรรม และ 3.แบ่งปันความรู้และโอกาส โดยเด็กรุ่นใหม่จะผ่านกระบวนความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ คนที่มาเทรดคริปโทเคอร์เรนซีมีแค่ส่วนหนึ่ง แต่คนที่อยู่นอกกระบวนการมีอยู่จำนวนมาก การทำให้คนเหล่านี้ของกระบวนการต้องอาศัยความรู้และทักษะทั้งหมด เริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน เป็นการช่วยรัฐในการทรานฟอร์มคนสู่ดิจิทัล
นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Group CEO ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ Bitkub เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นตัวเร่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ อย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจที่ผ่านมา ตั้งแต่ยุคเว็บ 1.0 ที่หน้าเว็บไซต์อ่านได้อย่างเดียว ต่อมายุคเว็บ 2.0 มีการอ่านและสามารถตอบโต้กันได้ จนถึงปัจจุบันนี้ ในอีก 10 ปีข้างหน้า ถึง 2573 จะมีการนำเว็บ 3.0 นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาหลอมรวมกัน เช่น IoT, AI, VR, AR, Metaverse เป็นต้น เพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขันธุรกิจ รวมไปถึงทักษะแรงงานแห่งอนาคต บิทคับเวิลด์เทคจะเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ จะเป็นในลักษณะ learn to earn หรือ prove to earn เป็นลักษณะ play to earn เล่นเกมแล้วได้เงิน การรวมมือในครั้งนี้ หวังว่าจะให้ประเทศไทยหลุดจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง ให้มีการพัฒนาทักษะของคนไทย ให้รองรับกับเทคโนโลยีดิจิทัลในอนาคต
“โลกเราเมื่อถึงจุดหนึ่งจะเปลี่ยนเร็วมาก เมื่อยุคเว็บ 2.0 เราถือว่าเสียโอกาส ในการเป็นบริษัทเทคโนโลยี จำเป็นมากที่ไทยจำเป็นต้องปรับตัว ในเมื่อโลกกำลังจะเปลี่ยนอย่างรวดเร็วและหลุดจากประเทศที่มีรายได้ปานกลาง บิทคับเวิลด์เทคจะทำคือ เราควรจะสร้างสิ่งเติมเต็มเพื่อสังคม อยากให้มีคุณภาพที่ดี ยกระดับให้ประเทศไทยเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มเทคโนโลยี ไทยจะเป็นผู้ถือปืน ต่างชาติถือมีด” นายจิรายุกล่าว และว่า จะมีการเริ่มต้นโครงการที่แรก ณ วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี วันที่ 20 มกราคม 2565 จะมีพิธีเปิดการเรียนการสอนเป็นครั้งแรก ตั้งเป้าให้กลายเป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้สายอาชีพ ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสในการพัฒนาทักษะตรงความต้องการของตลาดอย่างแท้จริง จะเป็นการเรียนจับคู่กับความต้องการของธุรกิจ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถจบออกมามีตำแหน่งงานรองรับได้ตรงอาชีพมากที่สุด