รีเซต

เตือนภัยหน้าฝน! งูเห่าเข้าบ้านกัดหัวเด็ก 2 ขวบหวิดดับ

เตือนภัยหน้าฝน! งูเห่าเข้าบ้านกัดหัวเด็ก 2 ขวบหวิดดับ
มติชน
7 ตุลาคม 2564 ( 14:48 )
266
เตือนภัยหน้าฝน! งูเห่าเข้าบ้านกัดหัวเด็ก 2 ขวบหวิดดับ

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “เอฟ กฤษณะ” ได้โพสต์ภาพงูและข้อความในลักษณะเตือนภัยในช่วงหน้าฝนเกี่ยวกับงูเห่าสีน้ำตาลเข้าบ้านกัดเด็ก 2 ขวบ เมื่อวันที่ 30 ก.ย.64 เวลาประมาณ 23.10 น.ที่ผ่านมา ทำให้พ่อและแม่เด็กต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลอาการโคม่าเกือบเอาชีวิตไม่รอด โดยหน่วยกู้ภัยบัวขาว มูลนิธิเจ้าปู่บัวขาวได้รับแจ้งว่ามี เด็กอายุ 2 ขวบถูกงูกัด จึงรีบไปที่จุดเกิดเหตุ แล้วก็ทำการจับงู ซึ่งปรากฎว่างูที่จับได้เป็นงูเห่าพ่นพิษสีน้ำตาล

 

 

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เข้าสอบถามบ้านที่เกิดเหตุ และได้พบกับนายสุรพิน ศรีบท อายุ 27 ปี และ น.ส.นฤมล เกกาฤทธิ์ อายุ 19 ปี สองสามีภรรยา ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของเด็ก 2 ขวบ ที่โดนงูกัด และสอบถามอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยบัวขาว มูลนิธิเจ้าปู่บัวขาว

 

 

โดยนายสุรพิน กล่าวว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 23.10 น.วันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา ลูกชายวัย 2 ขวบ ซึ่งกำลังนอนอยู่บนที่นอน อยู่ดีๆ มีอาการงอแง ร้องไห้ เอานมให้ทานก็ไม่ยอมทานแล้ว พร้อมบอกว่าเจ็บตรงศีรษะ และบอกว่าโดนแมวกัด หลังจากนั้นตนจึงได้เอามือไปรูปที่หัวแล้วปรากฏว่าบริเวณหัวของลูก มีอะไรเหนียวๆ จึงได้ใช้ไฟฉายโทรศัพท์ส่องดูแล้วก็เห็นเลือดอยู่บริเวณศีรษะของลูก ตนและภรรยาจึงได้ลุกจากที่นอนแล้วไปเปิดไฟ เพื่อหาว่าอะไรกัดลูกชาย หลังจากที่เปิดไฟหาแล้ว และเปิดผ้าห่มออกก็ต้องตกใจอย่างมาก เพราะสิ่งที่พบคืองูตัวใหญ่ แต่ยังไม่ทราบชนิด และไม่ทราบว่าเป็นงูอะไร แต่มั่นใจว่างูกัดลูกชาย

 

 

นายสุรพิน กล่าวต่อว่า ก่อนที่สักพักลูกชายก็เริ่มมีอาการอ่อนเพลีย จึงอุ้มออกมานอกบ้านแล้วปรากฏว่าเด็กมีอาการปากซีด และอาเจียน จึงให้ญาติโทรแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิเจ้าปู่บัวขาวว่ามีงูกัดเด็กแล้วก็รีบพาลูกชายไปโรงพยาบาลทันที หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที ทางเจ้าหน้าก็เข้ามาจับงูแล้วพบว่างูที่กัดลูกตนนั้นคืองูเห่าพ่นพิษสีน้ำตาล เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้ส่งภาพส่งข้อมูลให้กับทีมแพทย์ ร.พ.สมเด็จพยุพราชกุฉินารายณ์ ที่รักษา เพื่อทำการฉีดเซรุ่มให้กับเด็กชายเอ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิเจ้าปู่บัวขาวก็ได้นำเอางูเห่าพ่นพิษสีน้ำตาลไปให้กับทีมแพทย์ที่รักเพื่อยืนยันชนิดของงู

 

 

 

นายสุรพิน กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นทีมเเพทย์ของ ร.พ.สมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์ได้ส่งตัวลูกชายไปรักษาตัวต่อที่ ร.พ.กาฬสินธุ์ เพราะมีอาการหนัก หมดสติ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแต่วันที่ 30 ก.ย.64 จนล่าสุดแพทย์ได้อนุญาตให้เพราะอาการดีขึ้น และรู้ตัวชนิดของงู ซึ่งตอนนี้อาการของน้องหายเป็นปกติแล้วกลับมาแข็งแรงร่าเริงเหมือนเดิม ซึ่งตนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ลูกปลอดภัย ตอนแรกตนและภรรยาคิดว่าลูกคงมีโอกาสรอดเพียงน้อยนิดเพราะงูที่กัดลูกตนนั้นเป็นงูเห่า และอีกอย่างลูกของตนก็ยังเล็กอยู่คงมีโอกาสรอดอยาก ซึ่งโชคดีที่นำตัวมาให้ทีมแพทย์รักษาทัน และแพทย์รักษาอย่างเต็มที่ลูกชายของตนเองก็กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม จากที่คิดว่าลูกคงไม่รอดแล้ว

 

 

อย่างไรก็ตามตนอยากฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครองทุกท่านที่มีบ้านเป็นต่ำชั้นเดียวหมั่นตรวจสอบบริเวณบ้านบริเวณที่นอนก่อนที่จะเข้านอนแล้วอย่าเปิดประตูหรือประตูหน้าต่างไว้ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนสัตว์มีพิษมักจะหาที่หลบฝนและอาจเข้าไปอยู่ในห้องนอนก็เป็นไปได้อยากให้ระมัดระวังและหมั่นตรวจสอบมิเช่นนั้นอาจเกิดเหตุการณ์แบบลูกชายของตน

 

 

ด้านนายปริญญา สายสมบัติ อายุ 27 ปี อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยบัวขาว มูลนิธิเจ้าปู่บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นทีมอสรพิษวิทยา กล่าวว่า หลังรับแจ้งได้เข้ามาตรวจสอบภายในบ้านหลังดังกล่าวพบว่าเป็นงูเห่าพ่นพิษสีน้ำตาลตัวใหญ่ ทีมกู้ภัยจึงช่วยกันจับนำตัวงูไปส่งให้กับแพทย์ เพื่อให้ทราบชนิดของงูและทำการรักษาได้อย่างถูกต้องจนเด็กปลอดภัยดังกล่าว

 

 

ขณะที่นายกฤษณะ ศรีพอ อายุ 21ปี อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยบัวขาว มูลนิธิเจ้าปู่บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ทีมอสรพิษวิทยา และเป็นผู้โพสต์ กล่าวว่า อยากฝากเตือนผู้ที่มีบ้านต่ำ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน เนื่องจากงูเห่าไม่ชอบที่ชื้น และมักจะเข้าไปอาศัยในสถานที่แห้ง ดังนั้นหากใครมีบ้านต่ำควรที่จะหมั่นตรวจสอบรอบบ้าน และหาสิ่งของอุดรูต่างๆของบ้านเพื่อป้องกันงูหรือสัตว์มีพิษเข้ามา

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง