ประชากรในพื้นที่ชนบทเริ่มหนาแน่นขึ้น บ้านเรือนก็เริ่มเบียดเสียดแออัด การจะขุดหลุมลึกเพื่อทำบ่อน้ำ หรือหลุมสำหรับเป็นบ่อเกรอะจึงไม่สามารถใช้เครื่องจักร เช่น รถแบ็คโฮ หรือปั้นจั่นในการขนย้ายดินจากก้นหลุมขึ้นมาได้ ด้วยราคาสูงและพื้นที่เข้าถึงยาก จะใช้เสียมขุดแล้วหย่อนถังดึงขึ้นก็กินแรง กินเวลา ฉะนั้นการใช้ปั้นจั่นแบบโบราณจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดปั้นจั่นโบราณหรือภาษาอีสานเรียก “คันโซ่ก่วยดิน” คันโซ่ มาจากในอดีตใช้โซ่กับไม้ในการทำปั้นจั่น ซึ่งเท่าที่ผู้เขียนสามารถหาข้อมูลได้ แบ่งการใช้งานเป็น 3 ประเภทคือ คันโซ่ขนของ คันโซ่วิดน้ำ และคันโซ่ขุดดิน คันโซ่ก่วยดินนี้จัดอยู่ในประเภทคันโซ่ขนของ เพราะเป็นการขนย้ายดินจากก้นหลุมนั่นเอง ก่วย แปลว่า ขนย้ายอุปกรณ์ที่ใช้ทำนั้นหาได้ทั่วไป 1. ไม้ไผ่-ใช้เป็นคานในการยกย้ายสิ่งของ สาเหตุที่เลือกใช้ไท้ไผ่เพราะมีความเหนียว สามารถรับน้ำหนักได้โดยไม่หัก ที่สำคัญหาง่าย มีขนาดยาว2. กระสอบ-ใช้สำหรับบรรจุก้อนหิน ก้อนดิน เพื่อถ่วงน้ำหนักตรงท้ายไม้คานให้กระดกขึ้นลง3. เชือกค่าว-ใช้มัดกระสอบติดกับคานไม้ไผ่ รวมถึงใช้มัดถังสำหรับตักดินในการใช้งานต้องอาศัยคน 2 คนประสานงานร่วมกัน คนแรกค้องลงไปในหลุมเพื่อขุด แล้วตักดินใส่ในถังที่หย่อนลงมา ส่วนคนด้านบนต้องทำหน้าที่ในการคุมปั้นจั่น รวมถึงการหย่อนเชือก ยกดิน และนำดินในถังออกมาเทด้านนอกปากหลุม ข้อดีของคันโซ่ก่วยดิน นอกจากอุปกรณ์ในการทำหาง่ายแล้ว คันโซ่ก่วยดินยังเป็นอุปกรณ์ขนย้ายดินที่ไม่กินพื้นที่ ไม่ว่าพื้นที่แคบแค่ไหนก็สามารถขุดและตักดินขึ้นมาได้โดยง่าย หากต้องการเพิ่มหรือลดจุดถ่วงดุล ก็ทำเพียงเติมดินหรือเทดินออกจากกระสอบตรงท้ายคานไม้ไผ่ข้อเสียของคันโซ่ก่วยดิน ต้องอาศัยแรงคน การตักดินแต่ละครั้งทำได้คราวละไม่มาก ในการขุดหลุมหนึ่งหลุมจึงกินเวลานานพอสมควรคันโซ่ก่วยดินถือเป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่มีไหวพริบในการประยุกต์ใช้สิ่งของเหลือใช้ให้เกิดเป็นนวัตกรรมที่ล้ำสมัย แต่อีกสิ่งที่ต้องใช้คู่กันคือ “บันได” บางแห่งอาจใช้บันไดลิงที่ทำจากเชือกค่าว บางแห่งก็ใช่บันไดไม้ไผ่เช่นในภาพ แต่บางที่ที่ผู้อยู่ในหลุมชำนาญในการปีนป่าย อาศัยเพียงการเจาะรูตามผนังหลุมก็สามารถปีนขึ้นมาได้อย่างง่ายดายทุกภาพถ่ายโดยผู้เขียน