เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับเกมแนว Tactical RPG สุดคลาสสิกอย่าง La Pucelle: Tactics กันมาบ้าง สำหรับผมแล้ว เกมนี้ถือเป็นหนึ่งในเกมที่ผมรักมากที่สุดในยุค PlayStation 2 เลยก็ว่าได้ ด้วยความน่ารักของตัวละคร กราฟิกแบบ 2D ที่มีเสน่ห์ ระบบการเล่นที่เข้าใจง่ายแต่แฝงไปด้วยความลุ่มลึก และเนื้อเรื่องที่สนุกสนานปนฮาแบบไม่ซ้ำใคร ทำให้ La Pucelle กลายเป็นเกมที่ตราตรึงอยู่ในใจผมมาจนถึงทุกวันนี้ และเมื่อไม่นานมานี้ La Pucelle ก็ได้กลับมาอีกครั้งในเวอร์ชันรีมาสเตอร์บนแพลตฟอร์มยุคใหม่ในชื่อ La Pucelle: Ragnarok แน่นอนว่าผมไม่พลาดที่จะกลับไปสัมผัสความทรงจำในวัยเด็กอีกครั้ง และในบทความนี้ ผมจะขอพาทุกท่านไปเจาะลึกทุกแง่มุมของเกม La Pucelle: Ragnarok พร้อมทั้งเล่าประสบการณ์และความรู้สึกที่ได้จากการเล่นเกมนี้ให้ฟังกันครับ กราฟิกและเสียง สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงเลยก็คือกราฟิก La Pucelle: Ragnarok ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของภาพแบบ 2D Sprite เอาไว้ได้เป็นอย่างดี แต่ได้รับการปรับปรุงให้มีความคมชัดมากขึ้น ตัวละครและฉากหลังดูมีรายละเอียดมากขึ้น สีสันสดใสขึ้น ซึ่งทำให้เกมดูสวยงามขึ้นกว่าเดิมมาก ส่วนตัวผมชอบงานภาพแบบนี้มาก มันให้ความรู้สึกคลาสสิก อบอุ่น และดูมีชีวิตชีวา เหมือนได้หลุดเข้าไปในการ์ตูนญี่ปุ่นยุค 90s ยังไงอย่างงั้น ในส่วนของดนตรีประกอบ ก็ยังคงเป็นดนตรีสไตล์ JRPG ที่ฟังสบายๆ เข้ากับบรรยากาศของเกมได้เป็นอย่างดี เพลงประกอบฉากต่อสู้ก็ทำได้เร้าใจ ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นได้มาก เสียงพากย์ของตัวละครก็ทำได้ดี โดยเฉพาะเสียงพากย์ของ Prier นางเอกของเกม ที่ยังคงความน่ารักสดใสเหมือนเดิม เนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องของ La Pucelle: Ragnarok ยังคงเป็นเรื่องราวการผจญภัยของ Prier เด็กสาวผู้มีพลังในการปราบปีศาจ และ Culotte พี่ชายจอมกวนของเธอ ในการต่อสู้กับเหล่าปีศาจที่บุกเข้ามาในโลกมนุษย์ เนื้อเรื่องในภาคนี้ยังคงดำเนินเรื่องแบบ light-hearted มีมุกตลกแทรกเข้ามาตลอด ทำให้เล่นได้เพลินๆ ไม่เครียด แต่ก็มีช่วงที่ดราม่า ซึ้งกินใจ ให้เราได้อินไปกับตัวละครด้วยเช่นกัน สิ่งที่ผมชอบมากในภาคนี้คือ มีการเพิ่มเนื้อเรื่องใหม่ และตัวละครใหม่ๆ เข้ามา ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจเรื่องราวเบื้องหลังของตัวละคร และโลกของ La Pucelle ได้มากขึ้น โดยเฉพาะเนื้อเรื่องของ Laharl จากเกม Disgaea ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักด้วย ถือเป็นเซอร์ไพรส์ที่แฟนๆ Disgaea น่าจะถูกใจกัน ระบบการเล่น ระบบการเล่นของ La Pucelle: Ragnarok ยังคงเป็น Tactical RPG แบบเทิร์นเบส ที่เราต้องวางแผนการเคลื่อนที่ และการโจมตีของตัวละคร เพื่อเอาชนะศัตรู แต่ในภาคนี้ มีการปรับปรุงระบบการเล่นให้ลื่นไหล และเข้าใจง่ายขึ้น เช่น การเพิ่มระบบ "Overkill" ที่ทำให้เราสามารถโจมตีศัตรูต่อเนื่องได้ หากโจมตีโดนจุดอ่อน หรือการเพิ่มระบบ "Purification" ที่ทำให้เราสามารถชำระล้างมลทินในดันเจี้ยน เพื่อรับไอเทม และเพิ่มค่าสถานะให้กับตัวละครได้ นอกจากนี้ ยังมีระบบ "Dark World" ที่เป็นเอกลักษณ์ของเกมนี้ ซึ่งเป็นมิติพิเศษที่เราสามารถเข้าไปต่อสู้กับศัตรู และเก็บเลเวลตัวละครได้ โดยในภาคนี้ มีการปรับปรุง Dark World ให้มีความหลากหลาย และท้าทายมากขึ้น รวมถึงมีบอสใหม่ๆ ให้เราได้ต่อสู้ด้วย อีกหนึ่งระบบที่ผมชอบมากคือ ระบบ "Character Customization" ที่เราสามารถปรับแต่งตัวละครได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็น อาวุธ ชุดเกราะ สกิล หรือแม้แต่ AI ในการต่อสู้ ซึ่งทำให้เราสามารถสร้างทีมในฝัน และวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างหลากหลาย ความรู้สึกหลังเล่น หลังจากที่ได้กลับไปเล่น La Pucelle: Ragnarok อีกครั้ง ผมรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ความทรงจำดีๆ ในอดีต กลับมาอย่างชัดเจน ตัวเกมยังคงสนุก และมีเสน่ห์เหมือนเดิม แถมยังมีการปรับปรุง และเพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ เข้ามา ทำให้เกมมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น สิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดคือ ความใส่ใจในรายละเอียดของผู้พัฒนา ที่พยายามรักษาเอกลักษณ์ และจิตวิญญาณของเกมต้นฉบับเอาไว้ พร้อมกับปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัย ทำให้ La Pucelle: Ragnarok เป็นเกมรีมาสเตอร์ที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และเหมาะสำหรับทั้งแฟนเกมรุ่นเก่า และผู้เล่นใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสเกมนี้มาก่อน สรุป La Pucelle: Ragnarok คือเกม Tactical RPG สุดคลาสสิกที่กลับมาอีกครั้งพร้อมความทรงจำในวัยเด็ก ตัวเกมมีกราฟิกที่สวยงาม ดนตรีประกอบที่ไพเราะ เนื้อเรื่องที่สนุกสนาน และระบบการเล่นที่ลุ่มลึก หากคุณเป็นแฟนเกมแนวนี้ หรืออยากสัมผัสเกม JRPG ยุคคลาสสิก ผมขอแนะนำ La Pucelle: Ragnarok เป็นอย่างยิ่ง รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !