หุ้น (SPCG) เป็นหุ้นของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้เป็นบริษัทโฮลดิ้งในประเทศไทย บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) และ บริษัทย่อยได้ประกอบกิจการในสามประเภทธุรกิจหลัก คือ การผลิตภัณฑ์ ค้า และบริการติดตั้งหลังคาเหล็กและผลิตทั้งจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ และธุรกิจอื่นๆ เป็นต้น ส่วนหุ้น (SPCG) ณ วันที่ 27/03/2563 อยู่ที่ราคา 14.20 บาท และจากการดูกราฟของหุ้น (SPCG) ย้อนหลัง 5 ปี ปรากฏว่าราคาลดลงมาประมาณ 47 เปอร์เซ็นต์ หรือราคาเพิ่มขึ้นมาประมาณ 13.05 บาท ส่วนการดูกราฟของหุ้น (SPCG) ย้อนหลัง 1 ปี ราคาหุ้นได้ลดลงมาประมาณ 22 เปอร์เซ็นต์ หรือราคาได้ลดลงมาประมาณ 4.20 บาท จากการดูข้อมูลงบการเงินย้อนหลัง ณ วันที่ 31/12/2559 ถึง วันที่ 31/12/2562 ผลปรากฏว่าสินทรัพย์รวมของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ได้มีการลดลงมาประมาณ 2,328.98 ล้านบาท และหนี้สินรวมก็ได้ลดลงมาประมาณ 8,167.22 ล้านบาท ส่วนรายได้รวม ก็ได้ลดลงมาประมาณ 221.76 ล้านบาท และกำไรสุทธิ ได้เพิ่มขึ้นมาประมาณ 355.21 ล้านบาท วิเคราะห์งบการเงิน จากที่ดูงบการเงินย้อนหลัง ณ วันที่ 31/12/2559 ถึง วันที่ 31/12/2562 ของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) แล้ว ปรากฏว่าสินทรัพย์รวม ของบริษัทนี้ลดลงมาประมาณ 9 เปอร์เซ็นต์ ส่วนหนี้สินรวม ได้ลดลงมาประมาณ 56 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการที่หนี้สินรวมของบริษัทลดลงถือเป็นเรื่องที่ดี ส่วนรายได้รวม ของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ก็ได้ลดลงประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดี และกำไรสุทธิ ได้เพิ่มขึ้นมาประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการที่กำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นถือเป็นเรื่องที่ดี จากการวิเคราะห์งบการเงินของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ผมให้คะแนนสำหรับงบการเงิน คือ 95 คะแนน เพราะผมคิดว่า บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) มีการสถานะจัดการงบการเงินที่ดี เพราะ มีหนี้สินรวม ที่ลดลง และยังมีกำไรสุทธิ ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่มีรายได้รวม ที่ลดลง จึงทำให้ผม ให้คะแนนสำหรับงบการเงิน คือ 95 คะแนน นั้นเอง หุ้น (SPCG) ของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) มีค่า P/E ที่ต่ำ แต่ถ้ามีค่า P/E ที่สูงถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดี ตัวอย่างเช่น หากหุ้น ก ราคา 24 บาท บริษัทมีผลกำไรต่อหุ้นใน 4 ไตรมาสล่าสุด หรือ 1 ปี อยู่ที่ราคา 3 บาท ค่า P/E ที่คำนวนได้จะเท่ากับ 24/3 หรือ 8 แสดงว่านักลงทุนจะต้องจ่ายเงิน 8 บาท เพื่อให้ได้กำไร 1 บาท ต่อปี สรุปให้เข้าใจ ง่ายๆ คือยิ่งค่า P/E ต่ำยิ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ส่วนตัวผมคิดว่า ค่า P/E ต่ำกว่า 18 ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี และส่วนตัวผม ผมให้คะแนนสำหรับ ค่า P/E ของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) คือ 96 คะแนน หุ้น (SPCG) ของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) มีค่า P/BV ที่ถือว่าพอใช้ได้ แต่ถ้ามีค่า P/BV ที่สูงถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดี เพราะการคำนวน ค่า P/BV ต้องใช้ ราคาหุ้น หารด้วยมูลค่าทางบัญชี จึงจะได้ค่า P/BV นั้นเอง ถ้าค่า P/BV น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ถือว่าหุ้นราคาถูก และส่วนตัวผม ผมให้คะแนนสำหรับ ค่า P/BV ของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) คือ 76 คะแนน หุ้น (SPCG) ของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) มีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนที่สูง แต่ถ้ามีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนที่ต่ำ เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดี เพราะ อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน เป็นอัตราส่วนทางการเงินที่เปรียบเทียบระหว่างเงินปันผลต่อหุ้นกับราคาของหุ้น ณ วันที่คำนวณ เป็นอัตราส่วนที่บ่งบอกถึงว่าหากซื้อหุ้น ณ ราคาปัจจุบัน จะมีโอกาสได้รับเงินปันผลเป็นอัตราร้อยล่ะเท่าไรของราคาหุ้น ส่วนตัวผมคิดว่า อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนสูงกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ถือว่าดี ส่วนตัวผม ผมให้คะแนนสำหรับ อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน ของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) คือ 96 คะแนน หุ้น (SPCG) ของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) มีค่า ROA ที่ถือว่าพอใช้ได้ แต่ถ้ามีค่า ROA ที่ต่ำถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดี เพราะตัวเลขนี้บอกว่า บริษัทสามารถทำอะไรกับสินทรัพย์ที่บริษัทมีอยู่ได้ คือ รายได้มาจากสินทรัพย์ที่บริษัทควบคุมอยู่เท่าไร เป็นตัวเลขที่มีประโยชน์ในการเปรียบเทียบบริษัทที่แข่งขันกันในอุตสาหกรรมเดียวกัน ตัวเลขนี้จะมีค่าหลากหลายขึ้นอยู่กับประเภทอุตสาหกรรม อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ทั้งหมดเป็นการชี้การใช้ทุนของบริษัทมาก ซึ่งขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรม บริษัทที่ต้องการการลงทุนเริ่มต้นสูงโดยทั่วไปจะมีอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ทั้งหมดต่ำ หรือสรุป ง่ายๆ คือแสดงให้เห็นว่า สินทรัพย์ของบริษัทสามารถทำรายได้ได้มากเพียงใด นั้นเอง ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าค่า ROA สูงกว่า 15 ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี และส่วนตัวผม ผมให้คะแนนสำหรับ ค่า ROA ของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) คือ 96 คะแนน หุ้น (SPCG) ของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) มีค่า ROE ที่สูง ซึ่งค่า ROE ที่สูงถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะยิ่งค่า ROE มีค่าสูงเท่าไรยิ่งดี เพราะแสดงให้เห็นว่าผลตอบแทนจากเงินส่วนของเจ้าของนั้นให้ผลตอบแทนที่สูง ยิ่งมีค่าที่สูงจึงแปลว่าบริษัทนั้นสามารถทำ กำไรสุทธิ ได้มาก หลักการเปรียบเทียบควรใช้ค่า ROE ในการเปรียบเทียบกับบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน หรือเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม นั้นๆ ข้อระวัง คือ ต้องระวังค่า ROE สูงๆ ที่เกิดจากกิจการที่มีหนี้สินมากๆ เพราะการมีหนี้สินถือว่าเป็น กิจการที่ส่วนของผู้ถือหุ้น เหมือนกัน ดังนั้น จึงต้องประเมินความเสี่ยงของกิจการควบคู่กันไปด้วย ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าค่า ROE สูงกว่า 15 ก็ถือว่าใช้ได้ และส่วนตัวผม ผมให้คะแนนสำหรับ ค่า ROE ของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) คือ 100 คะแนน จากการวิเคราะห์ค่า ต่างๆ ของหุ้น (SPCG) ของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ส่วนตัวผมให้คะแนนสำหรับค่า ต่างๆ ของหุ้น (SPCG) คือ 92 คะแนน เพราะหุ้น (SPCG) มีข้อดีคือ มีค่า P/E ค่า ROE และอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน ที่ถือว่าอยู่ในระดับที่ถือว่าดี แต่ถ้าดูค่า ต่างๆ ในภาพรวมแล้วถือว่าอยู่ในระดับที่ดี จึงทำให้ผม ให้คะแนนสำหรับค่า ต่างๆ ของหุ้น (SPCG) คือ 92 คะแนน จากการวิเคราะห์หุ้น (SPCG) ของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ส่วนตัวผมคิดว่า หุ้น (SPCG) หน้าจะมีราคาเพิ่มขึ้นในอนาคต เพราะ มีสถานะงบการเงินเงินที่ถือว่าดี และยังมีค่า ต่างๆ ที่อยู่ในระดับที่ถือว่าดี ถึงแม้จากการดูกราฟของหุ้น (SPCG) ย้อนหลัง 5 ปี ปรากฏว่าราคาลดลงมาประมาณ 47 เปอร์เซ็นต์ หรือราคาเพิ่มขึ้นมาประมาณ 13.05 บาท ส่วนการดูกราฟของหุ้น (SPCG) ย้อนหลัง 1 ปี ราคาหุ้นได้ลดลงมาประมาณ 22 เปอร์เซ็นต์ หรือราคาได้ลดลงมาประมาณ 4.20 บาท แต่ผมก็ยังคิดว่าหุ้น (SPCG) หน้าจะมีราคาที่เพิ่มขึ้นในอนาคต เพราะผมคิดว่าที่หุ้น (SPCG) มีราคาลดลงอาจจะเป็นเพราะปัญหาเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ก็ได้ แต่ถ้าเศรษฐกิจไทยกลับมาอยู่ในสถานะที่ถือว่าดีเมื่อไร ผมคิดว่าหุ้น (SPCG) ก็จะมีราคาเพิ่มขึ้นไปด้วย จึงทำให้ผมคิดว่า หุ้น (SPCG) หน้าจะมีราคาเพิ่มขึ้นในอนาคต ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก เว็บไซต ์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถ้าผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ