เชื่อได้ว่าหลายวันที่ผ่านมาเราได้ยินข่าว หรือประสบพบเจอกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งการเกิดแผ่นดินไหวนั้นก็มาจากหลายสาเหตุ ด้วย 2 เหตุผลใหญ่ นั้นคือจากมนุษย์และจากธรรมชาติ ซึ่งสาเหตุที่มาจากธรรมชาติก็มาได้หลายสาเหตุ 1 ในนั้นคือจากวงแหวนแห่งไฟ หรือ Ring of Fire https://pixabay.com/get/g5fac67340158175fd9c2fcf5a40f692e00b818b887902ecc0241319627b0e685d3eb4ae3efdc833be05638f140517f17176d85dbc3144c06ef7caf2b20d4d42e_1920.jpgImage by Adrian Malec from Pixabay วงแหวนแห่งไฟ (Ring of Fire) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “แนวเทือกเขารอบมหาสมุทรแปซิฟิก” (Circum-Pacific Belt) คือ แนวภูเขาไฟที่ยังคงคุกรุ่นและร่องลึกก้นสมุทรที่มีความยาวรวมกันกว่า 40,000 กิโลเมตร ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของปรากฏการณ์แผ่นดินไหวกว่าร้อยละ 90 ที่เกิดขึ้นบนโลกวงแหวนแห่งไฟประกอบไปด้วยภูเขาไฟทั้งหมด 452 ลูก หรือกว่าร้อยละ 75 ของภูเขาไฟทั้งหมดที่ปรากฏอยู่บนโลก โดยครอบคลุมพื้นที่ในมหาสมุทรและประเทศในทวีปต่าง ๆ รวมกันถึง 31 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศโบลิเวีย บราซิล แคนาดา โคลัมเบีย ชิลี ฮอนดูรัส อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ฟิจิ และสหรัฐอเมริกาhttps://pixabay.com/get/g5fac67340158175fd9c2fcf5a40f692e00b818b887902ecc0241319627b0e685d3eb4ae3efdc833be05638f140517f17176d85dbc3144c06ef7caf2b20d4d42e_1920.jpgImage by David Mark from Pixabay ในหนึ่งวัน โลกของเราเกิดแผ่นดินไหวราว 55 ครั้ง หรือราว 20,000 ครั้งใน 1 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแผ่นดินไหวที่เกิดมีการสั่นสะเทือนอย่างแผ่วเบา โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ตามแนวขอบแผ่นธรณีภาคหรือตามรอยเลื่อนต่าง ๆ ทั้งในมหาสมุทรลึกหรือบนภาคพื้นดินซึ่งมีระดับความลึกที่แตกต่างกันออกไปตามขนาดของแผ่นเปลือกโลก โดยแผ่นธรณีภาคบางแผ่นอาจหนาถึง 100 กิโลเมตร แต่บางแผ่นอาจมีความหนาเพียง 6 หรือ 7 กิโลเมตร เมื่อแผ่นธรณีภาคเหล่านี้ เคลื่อนที่แยกย้ายออกจากกันหรือพุ่งชนกัน จึงก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนที่รุนแรงในระดับต่าง ๆ รวมถึงการระเบิดของภูเขาไฟ แผ่นดินไหว หรือแม้แต่คลื่นสึนามิทำไมจึงมีภูเขาไฟมากมายในวงแหวนแห่งไฟ?แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนตัวไม่หยุดเหนือชั้นของหินที่หลอมละลายเป็นบางส่วนและแข็งเป็นบางส่วน นี้เรียกว่าผิวเปลือกโลก ตัวอย่างเช่น เมื่อแผ่นเปลือกโลกชนกันหรือเคลื่อนออกจากกัน โลกจะเคลื่อนที่อย่างแท้จริง ภูเขา เช่น เทือกเขา Andes ในอเมริกาใต้และเทือกเขา Rocky ในอเมริกาเหนือ รวมถึงภูเขาไฟที่ก่อตัวจากการชนกันของแผ่นเปลือกโลกภูเขาไฟหลายแห่งในวงแหวนแห่งไฟถูกสร้างขึ้นด้วยกระบวนการมุดตัวของผิวโลก และเขตมุดตัวของผิวโลกนั้นส่วนใหญ่อยู่ในวงแหวนแห่งไฟhttps://pixabay.com/get/gb66be4e61719961a2a5d3c5d755694dbca1bff7d095a0885667a10914265628909ed364240e1a369f539a21d61358b63dd992f164abd854b3f96fb871ede14c3_1920.jpgImage by Kanenori from Pixabay แผ่นดินไหวครั้งเลวร้ายที่สุดใน Ring of Fire เกิดขึ้นที่ไหน?แผ่นดินไหวครั้งเลวร้ายที่สุดในวงแหวนแห่งไฟ และด้วยเหตุนี้ โลกจึงเกิดขึ้นที่ชิลีเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 1960 ซึ่งเป็นแผ่นดินไหวขนาด 9.5 แมกนิจูด นั่นนับเป็น "แผ่นดินไหวที่ใหญ่ที่สุดในโลกนับตั้งแต่ปี 1900" ของการสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกาตามมาด้วยแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ Alaska ในปี 1964 (มีขนาด 9.2 แมกนิจูด) แผ่นดินไหวทางเหนือของเกาะสุมาตรา ซึ่งก่อให้เกิดสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2004 (มีขนาด 9.1 แมกนิจูด) และอีกแห่งหนึ่งนอกชายฝั่งตะวันออกของเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น 11 มีนาคม 2011 (ขนาด 9.0 แมกนิจูด) ซึ่งนำไปสู่สึนามิและสุดท้ายคือภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่ฟุกุชิมะ โดยแผ่นดินไหวส่วนใหญ่ที่อยู่ในเขต Ring of Fire จะมีตั้งแต่ขนาด 9.5 ถึง 8.5แล้วเราจะไม่สามารถทำนายแผ่นดินไหวในวงแหวนแห่งไฟได้หรือไม่?ไม่ได้ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่จะบอกว่า แม้ปัจจุบันความทันสมัยของเทคโนโลยีจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถคาดการณ์แผ่นดินไหวได้ แม้ว่าทั้งสองจะเกิดขึ้นภายในวงแหวนติดต่อกันอย่างใกล้ชิด แต่ก็เป็นการยากที่จะบอกว่าแผ่นดินไหวครั้งเดียวไม่จำเป็นต้องทำให้เกิดแผ่นดินไหวอีกนักแผ่นดินไหววิทยาบางคน เปิดใจว่าเราควรระมัดระวังในสิ่งที่เราทำในฐานะมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์หรือการขุดเจาะใต้ทะเลลึก นั้นเป็นสิ่งที่ล้วนมีผลกระทบที่ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวได้ แต่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพียงเล็กน้อยนั้นจึงถูกปัดความคิดเหล่านี้ทิ้งไปสำหรับวงแหวนแห่งไฟแล้ว หากเกิดการเคลื่อนตัวแล้วอาจจะทำให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้น ซึ่งการเคลื่อนที่อาจจะหยุดไปสักครู่หนึ่ง แต่ในไม่ช้าก็จะเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นสิ่งที่เหลืออยู่สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่รอบวงแหวนแห่งไฟคือการตระหนักถึงอันตรายบางทีอาจจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินต่อไป สร้างที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยขึ้นและทนต่อแผ่นดินไหว และสำหรับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกในการปรับปรุงการเตือนล่วงหน้าในมหาสมุทรและบนบก ระบบที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อชีวิตกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นhttps://pixabay.com/get/g3c55e7d7948c8494350c9a3af037d7104e1b8cc1d682d93e37dc266d5ca6d20cdaa0df20bdfa9f0fb532c74e23ee905d_1920.jpgImage by WikiImages from Pixabay ทั้งนี้ ถ้าใครสังเกตช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาหลายปีของประเทศไทย เราอาจมักได้ยินข่าวแผ่นดินไหวขนาดเล็กน้อยอยู่บ่อย ๆ ในพื้นที่ทางด้านทิศเหนือและทิศตะวันตกของประเทศไทย ก็เป็นเพราะว่าประเทศไทยเองนั้นก็ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีรอยเลื่อนของเปลือกโลกเช่นเดียวกัน ซึ่งกรมทรัพยากรธรณีได้รายงานเกี่ยวกับแผนที่รอยเลื่อนมีพลังในประเทศไทยไว้ 14 กลุ่มรอยเลื่อน ได้แก่ รอยเลื่อนแม่จัน รอยเลื่อนแม่อิง รอยเลื่อนพะเยา รอยเลื่อนแม่ทา รอยเลื่อนปัว รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน รอยเลื่อนเถิน รอยเลื่อนอุตรดิตถ์ รอยเลื่อนเมย รอยเลื่อนเพชรบูรณ์ รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ รอยเลื่อนระนอง และรอยเลื่อนคลองมะรุ่ยรอยเลื่อนในที่นี้ก็คือ คือรอยแตกในหินที่แสดงการเลื่อน สามารถพบได้ทุกภูมิภาคในประเทศไทย และจะเรียกรอยเลื่อนที่พบหลักฐานว่าเคยเกิดการเลื่อนหรือขยับตัวมาแล้วในช่วง 10,000 ปี ว่าเป็นรอยเลื่อนมีพลัง (Active fault) ซึ่งแปลความหมายได้ว่ารอยเลื่อนมีพลังมีโอกาสที่จะขยับตัวได้อีกในอนาคตhttps://pixabay.com/get/g36725bf4d39a6f4ef6f1597fd9489ce31b16ba1d6278afe09217dc82380e32ab89f484dc572c92870f325b6663be76b495d41988aafe63a97a02d43839c45597_1920.jpgImage by Angelo Giordano from Pixabay อ้างอิง Scimath | Nationalgeographic | Britannicaรูปภาพประกอบรูปปก by Arcturian from Pixabay ━━━━━━━━━━━รู้หรือไม่? - Did You Know?เราพร้อมเสิร์ฟสาระดี ๆ ให้คุณทุกวัน━━━━━━━━━━━ติดตามเราเพื่อเนื้อหาอื่น ๆ ได้ที่Facebook - Facebook.com/info.didyouknowInstagram - Instagram.com/info.didyouknowTwitter - Twitter.com/info_didyouknowTrueIntrend - Creators.trueid.net/@didyouknow#didyouknow #รู้หรือไม่ #วันนี้วันอะไรอัปเดตสาระดี ๆ มีประโยชน์อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !