AAI โกยกำไร Q2/67 ที่ 299.69 ลบ. โตก้าวกระโดด, เป้าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ที่ 20-21%
#AAI #ทันหุ้น-บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ไตรมาส 2/67 มีกำไร 299.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,041.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 26.24 ล้านบาท แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น แต่ชดเชยได้กับอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นมากจากสัดส่วนยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ บวกกับมีรายได้ทางการเงินเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีดอกเบี้ยรับจากเงินฝากธนาคารและเงินให้บริษัทแม่กู้ยืม
ในไตรมาส 2/67 มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 441 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 190.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นสำหรับไตรมาสอยู่ที่ 25.7% เทียบกับไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 12.7% และเทียบกับไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 20.8% เนื่องจากมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารพร้อมรับประทานบรรจุภาชนะปิดผนึกน้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบโดยรวมต่ำลง ราคาทูน่าต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ประกอบกับค่าเงินเหรียญสหรัฐทรงตัวในทิศทางแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินบาท
ส่วนรายได้รวมในไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 1,717 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 1,196 ล้านบาท จากกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ในขณะที่กลุ่มธุรกิจอาหารพร้อมรับประทานบรรจุภาชนะปิดผนึกมียอดขายลดลงเล็กน้อย
**คาดอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ที่ 20-21%
กลุ่มบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถทำอัตรากำไรรวมได้ดีกว่าเป้าหมายเดิมที่ 13-15% จากการที่มีสัดส่วนยอดขายในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงมากกว่าเป้า โดยในช่วงครึ่งปีแรกอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 23.4% โดยได้รับปัจจัยบวกทั้งจากการที่มีสัดส่วนยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่ม ค่าเงินเหรียญสหรัฐแข็งค่า ประกอบกับอัตรากำไรขั้นต้นในกลุ่มอาหารพร้อมทานฯ อยู่ในเกณฑ์ดี แม้ว่าราคาทูน่ามีการปรับเพิ่มขึ้น แต่ยังต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้าและมีโอกาสในการเลือกรับคำสั่งซื้อที่มีอัตรากำไรขั้นต้นตามนโยบายของกลุ่มบริษัทฯ
อย่างไรก็ดี กลุ่มบริษัทฯ คาดการณ์ว่าอัตรากำไรขั้นต้นรวมจะย่อตัวลงในช่วงที่เหลือของปี จากการที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น และต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทฯคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นสำหรับปีขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 20-21%
กลุ่มบริษัทฯ มีแผนการลงทุนปรับปรุงอาคารผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่จะเริ่มดำเนินการในช่วงไตรมาส 3ของปี 2567 ในขณะที่ยังอยู่ในระหว่างเตรียมความพร้อมในการลงทุนในโครงการก่อสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติแห่งที่ 2 เพื่อรองรับการขยายตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในอนาคต
และปรับแผนเพิ่มกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงบรรจุกระป๋องเพิ่มอีก 1,800 ตัน และอาหารสัตว์เลี้ยงบรรจุถุงเพาซ์ อีก 2,400 ตันต่อปี คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในไตรมาส 1 ปี 2568 โดยยังเชื่อว่า กลุ่มบริษัทฯ จะใช้งบประมาณในการลงทุนประมาณ 430 ล้านบาทตามแผนการลงทุนในปี 2567 โดยมีเงินสดสำรองเพียงพอสำหรับการลงทุน ทำให้คาดการณ์ได้ว่า ต้นทุนของเงินทุนของกลุ่มบริษัทฯ จะยังคงอยู่ในระดับต่ำ