จิตใจที่สงบ คือสิ่งที่สำคัญมากในโลกยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในตัวเมืองที่มีสิ่งเร้ารบกวนจิตใจเราตลอดเวลา มันสะสมในจิตใจมากเข้า ซึมซับเข้าไปแบบที่เราไม่รู้ตัว และถึงจุดหนึ่งมันอาจจะสายเกินไปเมื่อความเครียดก่อตัวหนาขึ้นจนยากที่จะบอกได้ว่าที่หงุดหงิดง่ายแบบนี้ มันเกิดจากอะไร ? เมื่อโลกเสียงดังเกินไป (Calm in the Chaos) คือการเรียกความสงบกลับคืนมาในจิตใจของเรา ถ่ายทอดโดย รวิศ หาญอุตสาหะ เจ้าของเพจ Mission to the Moon โดยเป้าหมายหลักของการลดการรบกวนเสียงภายนอก คือการแจ้งเตือนที่เกิดขึ้นในใจของเราเอง ไม่อย่างนั้น เราจะเห็นแต่การแจ้งเตือนมากมายที่ไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ได้เรียนรู้ว่าสาเหตุของความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ เกิดได้หลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความคาดหวัง การเปรียบเทียบ ความสับสน การใช้ชีวิตตามมาตรฐานของสังคม การรับรู้ข่าวสารที่รุนแรงสะเทือนใจ ความอิจฉา ความโกรธ ความกลัว ความเกลียด ปัญหาด้านการเงินส่วนบุคคล ความเหงา และการทำงานที่มากเกินไป เป็นต้น เราสะสมเรื่องเหล่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บ่อยครั้งเราก็ต้องไม่แสดงออกทางความรู้สึกในสังคมข้างนอกมากนัก ได้เรียนรู้ว่า Stoicism หรือปรัชญาสโตอิกที่มุ่งเน้นตรรกะและมุมมองทางธรรมชาติ โดยที่ตัวเราจะไม่ถูกควบคุมโดยผู้อื่น ซึ่งมีส่วนช่วยให้เห็นปัจจัยในตัวของเรามากขึ้น มีรายละเอียด ได้แก่ปัญญา คือความสามารถแยกแยะระหว่างปัจจัยภายนอกและภายในความกล้าหาญ ที่จะยืนหยัดและต่อต้านอุปสรรคที่เข้ามาในชีวิตความพอประมาณ ทำให้มากขึ้นโดยใช้เวลาน้อยลงความยุติธรรม ไม่เบียดเบียนใคร อยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข ได้เรียนรู้ว่า 3 องค์ประกอบสำคัญของความสุข ประกอบด้วย Playfulness ความรู้สึกสบายๆไม่ได้รู้สึกว่าทำแล้วต้องสมบูรณ์แบบ Connection การมีประสบการณ์พิเศษร่วมกัน และ Flow อยู่กับชั่วขณะนั้น ได้เรียนรู้ว่าจงมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ แม้ในช่วงระหว่างวัน เทคนิคหนึ่งที่ช่วยได้ คือ ถ้าไม่แน่ใจจริงๆอย่าเพิ่งตอบตกลง เวลาโพสต์อะไรลงใน Social Media ให้นึกว่ามีคนแคปหน้าจอบันทึกเก็บไว้เสมอ จะได้ไม่โพสต์อะไรที่ดูเสื่อมเสียกับตนเอง เมื่ออยู่ในที่สาธารณะก็ให้นึกเสมือนว่ามีคนแอบถ่ายคลิปอยู่เสมอ แน่นอนที่สุด หลีกเลี่ยงการดื่มสุราด้วย ได้เรียนรู้ว่ากฎ 9 ข้อในการจัดเรื่องสำคัญในชีวิต ได้แก่1.กำหนดเวลาให้ชัดเจนและเข้านอนตรงเวลา2.วางแผนทุกวันศุกร์ว่าวันทำการสัปดาห์ถัดไปจะทำอะไรบ้าง3.ก่อนบ่ายสามต้องออกกำลังกายหรือยืดเหยียดร่างกายบ้างแล้ว ไม่ใช่นั่งทำงานหน้าโต๊ะอย่างเดียว4.สร้างนิสัยที่ดี 3 ครั้งต่อสัปดาห์ สะสม Mindset ดีๆเล็กๆน้อยๆไปเรื่อยๆให้ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้5.จัดตารางเวลาสำรอง เผื่อความผิดพลาดที่อะไรบางอย่างไม่เป็นตามแผน6.แบ่งเวลาเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ เช่น ทำงานจิตอาสา พักผ่อนในที่ที่แปลกใหม่7.มีค่ำคืนพิเศษสำหรับตัวเอง เช่น มื้อเย็นสุดพิเศษเป็นการให้รางวัลตัวเองหรืออ่านหนังสือพัฒนาตัวเอง มันเป็นช่วงเวลาที่เราจะเลือกสิ่งที่ดีให้กับตัวเองได้8.รวมงานยิบย่อยไว้ด้วยกัน แล้วเคลียร์ให้เสร็จในคราวเดียว9.ทำงานยากก่อนงานสบาย เมื่องานยากเสร็จก่อนแล้ว ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น ได้เรียนรู้ว่าปัจจัยความสำเร็จที่ช่วยให้เราตระหนักรู้ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม ความรู้ที่ถูกต้อง การฝึกฝนและวัดผลอย่างถูกต้อง ใส่แรงให้ถูกที่ (จะได้ไม่เหนื่อยฟรี) รู้จังหวะเวลาที่ใช่ มี Mindset ที่ถูกต้อง ได้เรียนรู้ว่าทักษะสำคัญสำหรับโลกในยุคหลังจากนี้ ได้แก่ ทักษะด้านเทคโนโลยี ทักษะเกี่ยวกับคน ทักษะความแม่นยำในเรื่องจังหวะเวลาในการตัดสินใจ และทักษะในการสร้างนิสัยที่ดี ได้เรียนรู้ว่า 4 แก่นสำคัญของชีวิต ได้แก่สุขภาพ หากร่างกายเจ็บป่วยไม่มีทางที่จะมีความสุขได้ งาน อย่าให้งานมารบกวนสมดุลของชีวิต จิตวิญญาณ สมดุลของจิตใจเราท่ามกลางความวุ่นวายของโลกภายนอก ความสัมพันธ์ คนรอบข้างที่เราปฏิสัมพันธ์ด้วยมีผลต่อความสุขเรามากที่สุด ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้เราตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการจัดการกับตัวเองที่ครีเอเตอร์ได้เรียนรู้มาใช้กับจิตใจของตัวเอง ฟังดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มีผลมากกว่าที่มองเห็น ระหว่างวันเราไปทำงาน พบเจอผู้คน พบความขัดแย้ง ความไม่ลงตัว ความไม่สมดุลทางจิตใจแต่เราต้องอดทนอดกลั้นไว้ แล้วค่อยหาเวลามาอยู่กับตัวเอง ครีเอเตอร์เคยเข้าใจว่า Social Media คือทางออก คือช่วงเวลาพักเที่ยงที่เราจะเล่น ไปอ่าน ไปเสพ Content เหล่านี้เพื่อหวังจะช่วยให้จิตใจโฟกัสกับเรื่องอื่นที่ไม่ใช่งาน จนมาเข้าใจว่าแท้จริงแล้ว สิ่งที่เราต้องใส่ใจคือสิ่งที่แจ้งเตือนจากร่างกายของเราเอง ความไม่สมดุลที่สะสมเรื้อรัง หากเราหาทางออกให้กับมันไม่ได้หรือเป็นทางออกที่ไม่ดีพอ เราจะเจ็บป่วยหรือมีอารมณ์ที่หงุดหงิดควบคุมได้ยาก สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นผลดีเลย หากเราไม่เข้าใจที่จะจัดการกับตัวเองอย่างถูกต้อง ครีเอเตอร์ยอมรับว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะวัดผลว่าเราฟังเสียงในร่างกายแจ้งเตือนได้ดีแล้วหรือยัง เพราะไม่มีมาตรวัดที่ชัดเจน แต่อย่างน้อยการทำให้เสียงจากโลกภายนอกมันลดลง แล้วฟังเสียงจากภายในได้ชัดขึ้น แล้วทำการจัดการตัวเองเช่นนี้ไปเรื่อยๆ มันเป็นผลดีกว่าแน่นอน เครดิตภาพภาพปก โดย onlyyouqj จาก freepik.com ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย jcomp จาก freepik.comภาพที่ 4 โดย freepik จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ THE MAGIC OF THINKING BIG คิดใหญ่ ไม่คิดเล็กรีวิวหนังสือ GOOD VIBES, GOOD LIFE ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุขรีวิวหนังสือ เหตุเกิดจากความเหงา (Theory of Loneliness)รีวิวหนังสือ ตอบปัญหาวิชาใจรีวิวหนังสือ เลี้ยงลูกยังไงให้ได้ EFเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !