เรามักประสบปัญหาด้านภาษาอังกฤษ หลายประการ เช่น รู้คำศัพท์แต่อ่านไม่ตกผลึก รวมถึง เขียน/คิดงานนิพนธ์ไม่ออกทั้ง ๆ ที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษมาหลายปี จากประสบการณ์การเรียน+สอนภาษาอังกฤษทั้งในหลายระดับชั้นมัธยมศึกษาและปริญญา ผมพบว่าไวยกรณ์พื้นฐานที่เรา ๆ ท่าน ๆ ละเลย คือ Part of speech ส่งผลให้การเขียน ที่เรียกว่า "paraphrasing" มีปัญหา ก่อให้เกิดการ Copy+paste แพร่หลายโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนในชีวิตของเรามากขึ้นกว่าแต่ก่อน ด้วยเหตุนี้ผมจึงต้องมาอธิบายให้ผู้อ่านเกิดความกระจ่างและนำไปต่อยอดในอนาคตได้ ดังนี้ (Cr: https://bit.ly/38X5y6H)1.หน้าที่ของคำ (Part of speech) ส่วนตัวผมค่อนข้างให้ความสำคัญมากกับเรื่องนี้ โดยผมจะฝึกให้น้อง ๆ นิสิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เกือบทุกคาบเรียน (ภาษาอังกฤษสำหรับนักฎหมายในชั้นปีที่ 4) น้อง ๆ จะมีโอกาส (หัด) ผันคำ เพื่อ paraphrasing ประโยคและป้องกันการคัดลอกวรรณกรรม (plagiarism) หรือที่คุ้น ๆ คือ การคัดลอกและวาง (Copy+paste) (ขอบพระคุณรูปสวย ๆ จากเฮีย Akira Takumi ) ยกตัวอย่างประโยคข่าวจาก BBC คือ Thailand has reported one new coronavirus case, bringing the total number of such cases in the country to 43 since January, a senior health official said on Monday.แตกศัพท์a) report เป็นได้ทั้งคำนามและกริยา - ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่วางในประโยค ถ้าวางหลังคำนามส่วนใหญ่จะเป็นกริยา เช่น The new virus has been reported (v.) globally แต่ถ้าวางตรงตำแหน่งที่สื่อถึง รายงาน/ข้อความ ในเชิงข่าวสาร เช่น Recently, there had been a report (n.) on an international conflict between US and China. เช่นนี้ report จะทำหน้าที่เป็นคำนามไม่ใช่กริยาb) Since อาจแปลว่า "ตั้งแต่" ในความหมายทั่วไป หรือความหมายเฉพาะแปลว่า "เพราะว่า" ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริบทที่ Since นำไปวางจากข้อ 1 เมื่อเราทราบไวยกรณ์ (พื้นฐาน): หน้าที่ของคำ จึงในไปสู่2. Paraphrasingช้อความในข่าวข้างต้นได้ดังนี้(ตัวอย่าง) On last Monday, a senior official in charge found (that) there was another patient contacted with the new virus, alternatively known as the COVID-19. This has eventually leaded to the total number of national patients up to 43 persons since January. จะเห็นได้ชัดว่า ผมยังคงใจความสำคัญไว้ดังเดิม "พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นทำให้จำนวนผู้ป่วยทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 43 ราย" แม้ผมจะมีการเพิ่มรายละเอียดลงไปบ้างก็ตาม แต่ผมได้ทำการเปลี่ยนรูปแบบการเขียนให้ต่างออกไป โดยไม่เปลี่ยนสาระสำคัญของเนื้อหา หรือ ประโยคเดิม นี่เรียกว่าในเชิงวิชาการว่า paraphrasing จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นว่า หน้าที่ของคำในภาษาอังกฤษนั้นสำคัญมากทั้งในแง่วิชาการและการใช้ (ภาษาอังกฤษ)ทั่ว ๆ ไปยกตัวอย่างให้ชัดขึ้น คือ เราไม่สามารถนำ คำนาม ไปใช้แทนคำกริยา และในทางกลับกัน เราย่อมไม่สามารถนำกริยาไปใช้แทนคำนามได้ด้วยแต่อาจมีบางท่านพยายามจะเถียงผมในใจว่าอย่าง love นั้นเป็นได้ทั้ง คำนามและกริยา (จริงครับ) แต่ภาษาไทย เราจะเติม การหรือความลงไปหน้ากริยาเพื่อทำให้เป็นคำนาม แต่ แต่ แต่ Love นั้น ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่วางในทั้งในภาษาเขียนและภาษาพูด เช่น I love(v.) you หรือ love(n.) is in the air จะเห็นได้ว่า love ในประโยคตัวอย่างเป็นได้ทั้งกริยาและคำนาม ตามลำดับ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่วาง ... แต่ขอย้ำนะครับว่า อย่าพยายามใช้ love ในรูป Passive voice มันจะดูแปลก ๆ ยกตัวอย่าง "คุณถูกรักโดยผม" ไม่แปลกหรือครับ? พูดว่า "ผมรักคุณ" (น่าจะ)ง่ายกว่า? (Cr: https://bit.ly/2uq05GB) ดังนั้น paraphrasing คือ การเขียนในแบบตัวเอง(ด้วยภาษาตัวเอง) แต่ยังคงเนื้อหา หรือใจความสำคัญให้สื่อถึงต้นฉบับเดิม โดยไม่ใช่วิธีการคัดลอกงานวรรณกรรม (copy+paste) (Cr: https://bit.ly/2VgXmKw) โดยประสบการณ์ส่วนตัวสอนผมว่า (Cr: https://bit.ly/2wIxNYG) 1. จะ paraphrase ได้ดีต้องอ่านเยอะ -> คลังคำศัพท์ในสมองเยอะ ไวยกรณ์ (ภาษาอังกฤษ) ต้องแม่น 2. ช่วงแรก อย่าพยายามคิด เป็นไทย แล้วค่อยแปลเป็นภาษาอังกฤษ->มันจะตลก แล้วต่างชาติฟังอาจไม่รู้เรื่อง เทคนิคส่วนตัวผมจะต้องฟัง+อ่านให้เยอะ ถึงขนาดว่าต้องฝันเป็นภาษาอังกฤษ ถือว่ามีการพัฒนาทางภาษา ย้ำนะครับ อย่าพยายามเปลี่ยนรูปประโยคจาก Active voice เป็น Passive voice มันไม่ช่วยให้ประโยคดูน่าสนใจ กลับกัน ผู้อ่านค่อนข้างไม่ประทับใจถ้าเห็นรูประโยค Passive voice มากเกินไป กล่าวสั้น ๆ คือ ใคร ทำอะไร เมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร ทำไม (Who-What-When-Where-How-Why) ก็เพียงพอแล้ว3. Passive voice เน้นที่ผู้ถูกกระทำง่ายที่สุด เขียนรูป Active voice ดีที่สุดเพราะเข้าใจง่าย 4. Part of speech ช่วยให้การ paraphrase ง่ายขึ้น ดังนั้นต้องแม่นไวยกรณ์และหมั่นสร้างคลังคำศัพท์เยอะ ๆ (ย้ำ ข้อ 1)5. จงตระหนักระหว่างภาษา (อังกฤษ) เขียนและภาษาพูดด้วย รวมถึงใช้ให้ถูกกาลเทศะ เช่น คำย่อเรามักพูดได้ แต่ไม่ควรนำมาเขียนเช่น I'm จงเขียน I am ฯลฯ6.พึงระลึกว่า อยากเก่งพูดต้องฟังมาก อยากเก่งเขียนต้องอ่านมาก7.ภาษาอังกฤษไม่มีทางลัด ฝึกมาก เห็นผลมาก ... สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถช่วยได้เพราะท่านน่าจะสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้8.ส่วนตัวผมไม่เคยตำหนิการพูดไทยคำอังกฤษคำ แต่ถ้าเป็นไปได้ ภาษาไทยให้หมดหรืออังกฤษให้หมดจะดีกว่า และรบกวนว่า หากจะเขียนโปรดคำนึงถึงผู้อ่านด้วย ถ้าจะอังกฤษก็อังกฤษหมด จะไทยก็ไทยหมด8.1 ในกรณีสอบวิชาภาษาอังกฤษก็สมควรคาดหมายได้หรือว่า ต้องเขียนภาษาอังกฤษ ไม่ใช่คาราโอเกะ (Cr: https://bit.ly/32nBChN) ท้ายนี้ผมฝากไว้ว่า ผลจะดีได้ต้องเกิดจากเหตุที่ดีฉันใดParapasing จะดีได้ต้องเกิดจาก Part of speech ที่ดีฉันนั้นขอบพระคุณภาพปกจาก https://bit.ly/32M0rnE