บลจ.กสิกรไทยพันธมิตต่อยอดโต วิ่งสู่เป้าหมายปี70ดันAUM2ล้านล.

#บลจ.กสิกรไทย#ทันหุ้น- บลจ.กสิกรไทย ปี 68ต่อยอดกลยุทธ์เติบโต ผ่านพันธมิตร เจพีมอร์แกน และลอมบาร์ด โอเดียร์ พร้อมชู กองทุน K-Wealth PLUS Series ต่อเนื่อง จุดเด่นกระจายลงทุนแบบ Core Portfolioที่ช่วยสร้างผลตอบแทนให้มีเสถียรภาพในภาวะที่ตลาดเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ย้ำเป้าหมาย AUM ปี2570 จะแตะ 2 ล้านล้านบาท มองหุ้นไทยปีนี้ 1,350 จุด
นายวิน พรหมแพทย์, CFA ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด หรือ บลจ.กสิกรไทย กล่าวถึงแผนงานในปี2568 ยังคงต่อยอดความร่วมมือกับพันธมิตร เจพีมอร์แกน (J.P. Morgan Asset Management) และลอมบาร์ด โอเดียร์ (Lombard Odier) บริษัทจัดการกองทุนระดับโลกในการพัฒนาโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์นักลงทุน รวมถึงการแนะนำการจัดพอร์ตแบบพอร์ตหลัก (Core Port) ผ่านกลุ่มกองทุน K-Wealth PLUS Series ลงทุนครบ จบในกองเดียว ด้วยเป้าหมายสร้างการเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) สู่ 2ล้านล้านบาทในปี 2570
*เน้นสร้างผลตอบแทนเสถียร
นายวิน กล่าวต่อไปว่า ในภาวะที่ตลาดยังคงความผันผวน การจัดพอร์ตการลงทุนจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผลตอบแทนไม่ผันผวนไปกับสภาวะตลาดที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดย Core Portfolio จะมุ่งเน้นทำผลตอบแทนที่มีเสถียรภาพในระยะยาว คือในภาวะที่ตลาดขึ้นแรก ก็อาจไม่ได้ทำผลตอบแทนสูง แต่เมื่อตลาดลงแรง พอร์ตดังกล่าวก็ทำหน้าที่พยุงไม่ให้ผลตอบแทนลงแรงเช่นกัน
“การจัดพอร์ตในลักษณะนี้ไม่เพียงเหมาะสมกับช่วงที่ตลาดผันผวนเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนแล้ว หากยังเหมาะกับการวางแผนเกษียณด้วย ไม่เพียงมีผู้จัดการคอยปรับพอร์ตให้เหมาะสมกับสถานการ์ หากยังมีการปรับพอร์ตให้เหมาะสมกับช่วงอายุของผู้ลงทุนด้วยเช่น อายุน้อยรับความเสี่ยงได้สูง มีเวลาหารายได้อีกหลายปี ขณะที่พออายุมากขึ้น ความเสี่ยงก็น้อยลง เพื่อให้เงินที่สั่งสมมาพอเพียงต่อการใช้ชีวิตหลังเกษียณ”
นายวิน กล่าวว่า บลจ.กสิกรไทย ประเมินสถานการณ์การลงทุนจากทั่วโลกยังคงมีความไม่แน่นอน โดยภาพรวมเศรษฐกิจโลกอิงจากสหรัฐ เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงจากนโยบายรัฐบาลของทรัมป์ ส่งผลให้ตลาดกลับมาอยู่ในโหมดเฝ้าระวัง อย่างไรก็ดี Fed มีแนวโน้มดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยมองว่ามีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% ในช่วงกลางปี และอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี
สำหรับเศรษฐกิจไทยปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอยู่ในกรอบ 2.4-2.7% ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ 2.5% ทั้งนี้ การปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทยน่าจะเข้าใกล้จุดต่ำสุดแล้ว โดยซื้อขายในระดับที่ถูกมากเมื่อเทียบกับในอดีต ด้วย Forward PER 12.93 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ย้อนหลังที่ 15.88 เท่า อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนควรติดตามมาตรการระยะสั้นที่จะเข้ามากระตุ้นตลาดหุ้นไทย ส่วนทางด้านตลาดตราสารหนี้ไทย มองว่ายังมีโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในปีนี้ ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตราสารหนี้ไทย โดยคาดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 2.00-2.30%
*แนะพอร์ตรับมือตลาดผันผวน
ดังนั้น จากสภาวะตลาดทั่วโลกที่ยังมีความผันผวน ผู้ลงทุนจึงควรให้ความสำคัญกับการกระจายการลงทุน ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยพร้อมให้คำแนะนำผู้ลงทุนแบ่งสัดส่วนลงทุนออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1: Core Portfolio เน้นลงทุนเสริมพอร์ตให้เติบโตในระยะยาวอย่างยั่งยืน โดยแนะนำกองทุน K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-WPULTIMATE ในสัดส่วนประมาณ 70-80% ของพอร์ต
ส่วนที่ 2: Satellite Portfolio เน้นลงทุนเพื่อโอกาสทำกำไรในระยะสั้น โดยแนะนำกองทุน K-GSELECT, K-USA, K-GTECH, K-VIETNAM, K-PROPI ในสัดส่วนประมาณ 20% ของพอร์ต และส่วนที่ 3: Liquidity เน้นลงทุนเสริมสภาพคล่อง เพื่อโอกาสทำกำไรที่ได้มากกว่าเงินฝาก ในขณะเดียวกันยังสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ภายใน 1-2 วันทำการ โดยแนะนำกองทุน K-SF, K-SFPLUS, K-FIXED, K-FIXEDPLUS ในสัดส่วนประมาณ 10% ของพอร์ต
“ในปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้าที่สร้างพอร์ตการลงทุนหลัก (Core Portfolio) เพิ่มขึ้นจาก 48,000 ราย เป็น 100,000 ราย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนต่อ บลจ.กสิกรไทย”
นอกจากนี้ นายวินกล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทย มีจำนวนผู้ลงทุนผ่านช่องทางดิจิทัลทั้ง K-PLUS และ K-My Funds คิดเป็นสัดส่วน 89% จากจำนวนผู้ลงทุนทั้งหมด และสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ในทุกช่องทางรวมได้เป็นจำนวนกว่า 500,000 ราย (ที่มา: บลจ.กสิกรไทย ณ 31 ธ.ค. 67)
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) อยู่ที่ 1.61 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจกองทุนรวม 1.19ล้านล้านบาท ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 2.46แสนล้านบาท และธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล 1.72แสนล้านบาท โดยยังครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1ในอุตสาหกรรมกองทุนรวม (ที่มา: AIMC ณ 31 ธ.ค. 67)
สำหรับมุมมองตลาดหุ้นไทยนั้น บลจ.กสิกรไทยมองว่า จัวหวะที่ตลาดหลุด 1,200 จุด เป็นโอกาสในการทยอยเข้าลงทุน โดยปีนี้ คาดว่าดัชนี SETน่าจะอยู่ที่ระดับ 1,350 จุด ยังเชื่อถึงโอกาสในภาวะที่เต็มไปด้วยความท้าทาย โดยกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจลงทุนในระยะยาวยังคงเป็น หุ้นกลุ่มแบงก์ และกลุ่มสื่อสาร
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
