รีเซต

รู้ชื่อคนขับเรือ พานักท่องเที่ยวจับ 'ปลานกแก้ว' เขตอุทยานฯแล้ว เร่งล่าคนผิดดำเนินคดี

รู้ชื่อคนขับเรือ พานักท่องเที่ยวจับ 'ปลานกแก้ว' เขตอุทยานฯแล้ว เร่งล่าคนผิดดำเนินคดี
มติชน
12 สิงหาคม 2565 ( 10:52 )
75
รู้ชื่อคนขับเรือ พานักท่องเที่ยวจับ 'ปลานกแก้ว' เขตอุทยานฯแล้ว เร่งล่าคนผิดดำเนินคดี

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก หมอแล็บแพนด้า แชร์ภาพนักท่องเที่ยวอยู่บนเรือหางยาวนำเที่ยว มีการจับ “ปลานกแก้ว” ร้อยเป็นพวง พร้อมข้อความระบุว่า “มีคนแจ้งเข้ามาเยอะเลยครับ ชาวต่างชาติโพสต์ติ๊กต๊อกจับปลานกแก้วในบ้านเราเป็นพวงเลย เอาไงดี” นั้น

 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม นายฑีฆาวุฒิ ศรีบุรินทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เปิดเผยว่า ตรวจสอบคลิปดังกล่าวพบว่าชายหนุ่มในคลิปยืนถือปลานกแก้ว 3 ตัว ปลาไม่ทราบชนิด 2 ตัว และใช้มีดแทงหัวปลาไหลทะเล 1 ตัว พื้นที่เกิดเหตุอยู่บริเวณเกาะพีพีเล ใกล้กับอ่าวมาหยา ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการรวบรวมหลักฐานเปรียบเทียบพิกัดที่เกิดเหตุตามคลิปวิดีโอดังกล่าว ทราบว่าเรือก่อเหตุชื่อ “เอวาริน” และทราบชื่อคนขับเรือแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

 

 

สำหรับ ปลานกแก้ว (Parrotfish) เป็นปลาทะเลขนาดกลางชนิดหนึ่ง มีเกล็ดขนาดใหญ่ จะงอยมีปากยืดหดได้ ปากคล้ายนกแก้ว (เป็นที่มาของชื่อปลานกแก้ว) เนื่องจากปลานกแก้วมีรูปร่างลักษณะและสีสันสวยงาม จึงมีผู้นิยมจับมาดูเล่นและนำมาเป็นอาหาร ทำให้ประชากรปลานกแก้วลดลง ส่งผลกระทบระบบนิเวศโดยรวมของทะเลบริเวณนั้นก็จะเสียสมดุลไปอย่างมาก ปะการังตายมากขึ้น ฟื้นตัวช้า และเมื่อเกิดการฟอกสีเนื่องจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้น ก็จะฟื้นตัวยากหรือตายไปอย่างถาวร จึงไม่สนับสนุน ไม่ซื้อ ไม่รับประทานปลานกแก้ว

 

หากพบเห็นการจับปลานกแก้วในเขตอุทยานแห่งชาติให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีประกาศ ฉบับลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2558 ห้ามกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวน เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม หรือทำอันตรายกับสัตว์ต่างๆ ทุกชนิดในอุทยานแห่งชาติ หากฝ่าฝืนจะมีความผิดและต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 16(3) นำสัตว์ออกไป หรือทำอันตรายด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ ประกอบกับ มาตรา 21 ให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 16 ออกจากเขตอุทยานแห่งชาติ หรืองดเว้นการกระทำใดๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติ

 

ถือว่าเป็นความผิดตามมาตรา 24 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 16(3) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง