เมื่อเราทุกคนเกิดมาพร้อมกับความไม่เท่าเทียม ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่าเราเกิดมาพร้อมกับฐานะทางครอบครัวและฐานะทางสังคมที่ไม่เหมือนกันเลยจริงๆเด็กคนหนึ่งเกิดมาในบ้านที่มีฐานะเกือบจะเรียกได้ว่าหาเช้ากินค่ำ ใช้ชีวิตวัยเด็กอยู่กับตาและยายที่ต่างจังหวัด ส่วนพ่อและแม่ก็ทำงานที่กรุงเทพฯ เพื่อส่งเงินกลับไปให้ เด็กคนนี้ใช้ชีวิตสนุกไปวันๆ กับการเล่นกับเพื่อนตามประสา ไม่ได้รับรู้ถึงการมีเงินหรือไม่มีเงินของผู้ใหญ่ เพราะเขาสามารถที่จะกินอิ่ม นอนหลับได้ทุกวันแต่แล้ววันหนึ่ง วันธรรมดาของเด็กคนนี้ก็เปลี่ยนไป เขาจะต้องมาอาศัยกับพ่อและแม่ของเขาในกรุงเทพฯ ในวัยประมาณ 10 ขวบ การมาที่นี่ต้องปรับตัวหลายอย่าง ทั้งการเล่นกับเพื่อน การเรียน อาหารการกิน และงานอดิเรก จากที่เคยเป็นเด็กที่สนุกกับการใช้ชีวิต กล้าแสดงออก กลับกลายเป็นเหมือนคนใหม่เมื่อเจอสังคมใหม่ กลายเป็นเด็กขี้อาย ไม่กล้าพูด กล้าแสดงออกสิ่งที่ได้รับการสอนจากผู้เป็นพ่อแม่คือ การสอนให้ทำงานบ้าน เมื่อก่อนเขาเคยชอบการทำงานบ้านเพราะงานบ้านทำให้เขาได้เล่นสนุกกับน้าที่โตมาด้วยกัน แต่ตอนนี้งานบ้านเป็นสิ่งที่เขาถูกบังคับให้ทำและไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ นอกจากคำสั่ง เขาเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่าเราทานข้าวด้วยกัน ทำไมเราไม่ช่วยกันล้าง เรากินน้ำด้วยกัน ทำไมเราไม่ช่วยกันกรอก หรือแม้แต่การบังคับไม่ให้ออกไปเล่นกับเพื่อนไกลๆ เด็กต่างจังหวัดที่เคยอยู่และชินกับการมีอิสระ เริ่มขาดอิสระสิ่งที่เขารักมากที่สุดเขาทนกับความคิดที่หาคำตอบไม่ได้อย่างนี้มาตลอดถึงแม้เด็กคนนี้ในวัย 20 ที่โตขึ้นมาในระดับที่ช่วยเหลือตัวเองได้มากแล้ว จะเข้าใจเรื่องในวัยเด็กมากขึ้นเรื่อยๆ เข้าใจว่าการทำงานบ้านเป็นการแบ่งเบาภาระพ่อแม่ที่กลับมาจากทำงาน เข้าใจว่าการไม่ให้ไปเล่นไกลเพราะเป็นห่วง แต่ก็มีเรื่องใหม่ๆ ให้เขาได้สงสัยอีกเรื่อยๆเขาเริ่มรับรู้ถึงปัญหาด้านการเงินในครอบครัวเมื่อตอนที่ได้เข้าเรียนโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 ถึงแม้ว่าเขาจะใช้ชีวิตในโรงเรียนเอกชนแห่งนี้จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เลยก็ตาม แต่การใช้ชีวิตที่นี่มันไม่ง่ายเลยม.1 เขาสนุกกับการเรียน และการเล่นกับเพื่อน เขาเริ่มที่จะมองเห็นว่าที่บ้านมีปัญหาอะไรจากค่าเทอมที่เพิ่มมากขึ้นจากประถมม.2 เขาเริ่มมองเห็นความแตกต่างระหว่างตนเองกับเพื่อน ที่เพื่อนมีเครื่องเขียนสวยๆ ได้ไปเที่ยวที่สวยๆ หลังเลิกเรียนได้ไปกินอาหารดีๆ และนั่นทำให้เขารู้ว่าความจริงฐานะทางบ้านเขาเป็นอย่างไรม.3 ที่บ้านเริ่มหาเงินมาจ่ายค่าเทอมได้ไม่ทัน มีการจ่ายค่าเทอมล่าช้านานหลายวันหรือถึงเดือน แต่เด็กคนนี้ก็ยังเชื่อมั่นว่าพ่อและแม่ของเขาสามารถหามาได้ พ่อและแม่ยังเป็นฮีโร่ของเขาเสมอ เขาใช้ชีวิตให้สนุกเมื่ออยู่กับเพื่อน แต่เมื่อต้องอยู่คนเดียวเขาว้าวุ่นว่าจะหาค่าเทอมมาได้ทันหรือไม่ และกลัวการไม่ได้เรียนต่อมากม.4 เขาต่อม.ปลายที่โรงเรียนเดิม ทั้งๆ ที่อยากจะย้ายไปเรียนโรงเรียนรัฐบาลมากกว่า แต่ไม่ได้รับการอนุญาตจากผู้ปกครอง เขาเลยจำใจที่ต้องเรียนที่นี่ต่อ และรอรับผลที่ตามมา เขาไม่ชอบการที่ต้องมาลุ้นว่าตนเองจะจ่ายค่าเทอมทันไหม เขาไม่ชอบที่เพื่อนซื้อองแพงๆ มาอวด ไม่ชอบที่เพื่อนได้ไปเที่ยวที่ดีๆ ช่วงปิดเทอม เขาอยากหายไปจากที่ที่เขารู้สึกอ่อนแอม.5 และมันก็เป็นอย่างนั้น การเงินมีปัญหา จ่ายค่าเทอมไม่ทัน เขาเริ่มมองหาอาชีพเสริมที่จะช่วยให้เขาสบายใจเรื่องค่าเทอมได้ไปหนึ่งเรื่อง แต่เด็กไม่ถึง 18 ช่างหางานยากซะเหลือเกิน แล้วสิ่งนี้ก็ถูกล้มเลิกไปม.6 ช่วงสุดท้ายของการอยู่ที่นี่ ช่วงที่ต้องจ่ายค่าเทอมได้แล้ว หลังจากที่ติดมาตั้งแต่ ม.4 โชคดีที่ได้เงินจากการนำรถเข้าไฟแนนซ์ เลยสามารถจบออกมาและมีวุฒิมาด้วยจนถึงอายุเท่านี้ จนจะเข้ามหาวิทยาลัย เขาไม่เคยต้องหาเงินเอง พ่อแม่ไม่เคยต้องให้เขาไปทำงานพร้อมพูดแต่ประโยคที่ทำให้เราเชื่อมั่นในพวกเขา "มีหน้าที่เรียน ก็เรียนไปเรื่องเงินเขาหาได้อยู่แล้ว"เริ่มต้นชีวิตในมหาวิทยาลัย กับการที่หาเงินมาจ่ายค่ามอบตัวนักศึกษาใหม่ไม่ทัน โชคดีที่ทางมหาวิทยาลัยอนุญาตให้มีการผ่อนผันค่าเทอมได้ เลยได้เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ และก็ไม่ผิดไปจากที่คาดคือเขาต้องผ่อนผันค่าเทอมในทุกๆ เทอมแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปในช่วงมหาลัย คือเขาเริ่มที่จะหางานทำอย่างจริงจัง เริ่มจากการเป็นติวเตอร์สอนพิเศษให้กับเด็กประถม ณ โรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง แต่ก็ทำได้ไม่นานเพราะต้องเจอกับการเรียนออนไลน์ในช่วง COVID-19 การสอนทางออนไลน์เป็นสิ่งที่เป็นอุปสรรค เพราะเขามีอุปกรณ์ไม่พร้อมสำหรับสอนออนไลน์ งานต่อไปคือการทำงานบริการ งานนี้ทำได้นานถึง 6 เดือนและเพราะงานนี้ทำให้เขามีเงินพอที่จะได้ไปกินอาหารดี ซื้อเสื้อผ้าสวยๆ อย่างที่เขาไม่เคยมี จนลืมไปว่าควรต้องเก็บไว้ใช้กับอะไรที่สำคัญมากกว่านั้นชีวิตของเขาก็ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายของการเรียนมหาลัย ที่ไม่รู้อนาคตหลังจากนี้เลย เพราะเขาไม่สามารถนำเงินมาจ่ายค่าเทอมได้ทันอีกแล้ว หลังจากลาออกจากงานบริการนั้น เขามีเงินเก็บเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการจ่ายค่าเทอม เขาเข้าฝึกงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง โชคดีที่การฝึกงานนี้เขาจะได้เงินเดือนด้วย เงินเดือนแรกเขานำไปจ่ายค่าเทอมทั้งหมด เงินเดือนที่สองเขาให้ทางบ้านทั้งหมดเพราะต้องจ่ายค่างวดรถ และเงินเดือนที่สามเขาเก็บไว้จ่ายค่าเทอมเทอมปัจจุบันแต่มันก็ยังไม่พอ และทำเรื่องผ่อนผันเพื่อหวังว่าพ่อแม่จะสามารถมีเวลาหาเงินนานขึ้นเพื่อนำมาจ่ายได้ทัน และมันไม่เป็นอย่างนั้น เขาเหลือเวลาเทอมนี้ และเทอมหน้าก็จะจบแล้ว แต่ปัญหาด้านการเงินนี้จะทำให้เขาได้เรียนจบอย่างที่ตั้งใจหรือไม่เขาเองก็ไม่ทราบเลยแต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปสำหรับเขาคือ เขาไม่ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนแต่ก่อน เขาไม่อายที่ไม่มีค่าเทอมเท่าแต่ก่อน เขาไม่กลัวการไม่ได้เรียนต่อเท่าแต่ก่อน และพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าเสมอไม่ว่าผลลัพธ์ต่างๆ จะเป็นอย่างไร เข้มแข็งขึ้นมากแล้วจริงๆ เครดิต:หน้าปก ผู้เขียน / CANVAรูปภาพ ผู้เขียน / CANVA เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !