พอฤดูแล้งมาเยือน ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ไปถึงมีนาคม อากาศเริ่มร้อนจัดแดดแรง มองไปทางไหน ต้นไม้พากันทิ้งใบเพื่อลดความชื้น ในฤดูนี้ เราสามารถหาพรรณไม้มาปลูก ทำให้สวนในบ้านเรา มีทั้งความหอมและสดชื่น สร้างความเบิกบานใจได้ ชนิดของไม้หอม ต้นแรกที่อยากแนะนำคือ ต้นข้าวใหม่หรือชมนาด เป็นไม้เถาที่ออกดอกได้ตลอดทั้งปี ถ้าได้ปุ๋ยและน้ำอย่างเพียงพอ ดอกเป็นพุ่มมีสีขาว กลิ่นหอมอบอวลคล้ายกับข้าวใหม่ จึงเป็นที่มาที่คนนิยมเรียกกันว่าดอกข้าวใหม่ นิยมนำไปทำน้ำอบ ทำน้ำลอยข้าวแช่ดอกข้าวใหม่ดอกพุดซ้อน ต้นพุดนั้นมีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ แต่พุดซ้อนดอกโตสีขาว มีความหอมมาก ดอกสวยราวกับกุหลาบ คนเหนือเรียก เก็ดถะหวา เมื่อปลูกแล้วต้นโตสักระยะหนึ่งจะติดดอกโต ๆ เต็มทั้งต้น เดินผ่านแล้วส่งกลิ่นหอมตลอดทาง ทำให้บ้านดูสดชื่น ทั้งเจ้าของบ้านและแขกผู้มาเยือนอารมณ์แจ่มใส ดอกนำไปสกัดจะได้น้ำมันหอมระเหยทำน้ำหอมดอกพุดซ้อนต้นเล็บมือนาง ไม้เลื้อยอีกชนิดหนึ่ง ลักษณะการออกดอกเป็นพุ่ม ความหอมของดอกเล็บมือนาง มีลักษณะเฉพาะตัว ชวนหลงใหล เวลาที่ออกดอกพร้อม ๆ กัน จะดูสวยงามอลังการมาก เมื่อเริ่มผลิดอกจะเป็นสีขาวแล้วค่อยเป็นสีชมพูไล่เฉดสี ต้นเล็บมือนางชอบเลื้อยพันเกาะไปกับต้นไม้สูง ดอกเล็บมือนางต้นเข็มขาว พรรณไม้ชนิดนี้ค่อนข้างหายากสักหน่อย เป็นไม้พุ่มต้นสูงได้ถึงสามเมตร ขยายพันธุ์ค่อนข้างยาก ปกติเราจะเห็นเข็มสีแดงและสีเหลืองได้บ่อย ซึ่งจะไม่มีกลิ่น ต่างจากดอกเข็มขาว ที่มีกลิ่นหอมฉุน ออกดอกได้ตลอดทั้งปีดอกเข็มขาวกับอีกพรรณไม้ชนิดหนึ่งที่ปลูกได้ง่ายได้รับความนิยมคือต้นโมก เป็นไม้มงคลคู่บ้านของคนไทยแต่โบราณ โมกหรือโมกขธรรมในความหมายว่า ธรรมเป็นเครื่องหลุดพ้น หมายถึงพระนิพพาน เคล็ดลับของการปลูกต้นไม้ชนิดนี้ ให้ออกดอกเป็นจำนวนมาก คือการตัดแต่งกิ่ง ให้ต้นโมกเหลือใบให้น้อยที่สุด จากนั้นให้ปุ๋ยและน้ำ ต้นโมกที่แตกยอดออกมาใหม่จะออกดอกทันที ทำให้ได้ต้นโมกที่มีดอกทั้งต้น ส่งกลิ่นหอมฟุ้งล่อแมลงดอกโมกการมีพรรณไม้หอมที่ออกดอกส่งกลิ่นขจรกระจาย ในสวนของบ้านเรา เราไม่สามารถตัดสินได้เลยว่า ดอกของต้นไม้ชนิดใดหอมกว่ากัน แต่ละต้นแต่ละพรรณไม้ มีความหอมเฉพาะตัว แล้วจะพบว่ากลิ่นหอมของไม้ดอกนั้นช่วยสร้างโลกใบเล็กให้สวยงามสดชื่นจนนึกอยากแบ่งปัน