ปลูกต้นไม้คลายร้อนช่วยลดอุณหภูมิในบ้านและช่วยฟอกอากาศร้อนนี้ !!! เราจะไม่ทน มาหาวิธีลดอุณหภูมิในบ้านกันเถอะ เนื่องจากปัจจุบันสภาวะอากาศในช่วงนี้ เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน นอกจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นแล้ว เรายังต้องเผชิญกับภาวะฝุ่น PM 2.5 ทำให้หลายคนเริ่มมองหาวิธีต่างๆ ในการป้องกัน และดูแลสุขภาพของตัวเองกันอย่างเต็มที่การดูแลบรรยากาศในบ้าน ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยให้เราได้ปกป้องตัวเองจากสภาวะอากาศในช่วงหน้าร้อน เพราะเราใช้เวลาอยู่ที่บ้าน มากกว่า 12-16 ชั่วโมงต่อวัน หรือใครที่ Work From Home เรียกได้ว่า อยู่บ้านเกือบตลอด 24 ชั่วโมงวันนี้เรามีเทคนิคดีๆ มาฝาก โดยการปลูกต้นไม้เพื่อช่วยป้องกันฝุ่น และปลูกไม้ฟอกอากาศในบ้าน เพื่อช่วยเพิ่มมุมสีเขียวสบายตา และยังช่วยลดอุณหภูมิในบ้านลงได้อีกด้วย จะมีต้นอะไรบ้างที่ควรปลูก มาดูกันเลย1. ไทรใบสักเป็นไม้ยืนต้น ที่มีลักษณะลำต้นเหมือนต้นไทร เปลือกต้นสีน้ำตาล และใบทรงยาวคล้ายน้ำเต้า ขอบใบหยัก ค่อนข้างแข็ง ใบใหญ่ เส้นใบชัดเจน และหยาบ คล้ายใบของต้นสัก หากปลูกในกระถาง สามารถแต่งเป็นทรงพุ่ม วางประดับหน้าบ้าน หรือริมรั้วได้ แต่หากปลูกลงดิน ต้นจะใหญ่ และสูงได้ถึง 2-3 เมตร สามารถปลูกเป็นไม้หลักของสวนเลยก็ได้ไทรใบสัก มีคุณสมบัติช่วยในการดูดซับฝุ่นได้เป็นอย่างดี และเป็นต้นไม้ที่สามารถฟอกอากาศได้อีกด้วย อีกทั้งเป็นไม้ที่ชอบแสงแดดอย่างมาก สามารถทนอยู่ในสภาพอากาศร้อน หรือร้อนชื้นได้ดี จึงเหมาะกับการปลูกในเมืองไทย และปลูกกลางแจ้งเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ ไทรใบสักจึงได้รับความนิยมในการปลูกประดับบ้าน และจัดตกแต่งสวนมาอย่างต่อเนื่อง หากเราปลูกไว้ในบ้าน นอกจากจะลดฝุ่นได้แล้ว ยังทำให้อากาศในบ้านของเราสดชื่น และ สะอาดอีกด้วยการดูแล ก็ไม่ยาก เนื่องจากเป็นไม้ที่ชอบแดด แนะนำวางไว้ในจุดที่รับแดดอย่าางน้อยครึ่งวัน หรือเต็มวันก็ยิ่งดีเลยครับ รดน้ำให้เพียงพอ วันละ 1 ครั้ง หากอยู่กลางแจ้งที่ได้รับแสงแดดเต็มวัน หรือ 2-3 วันต่อครั้ง หากอยู่ในจุดที่ได้รับแสงแดดรำไร ดินที่ใช้ปลูกควรระบายน้ำได้ดี ไม่แน่น และไม่ทำให้น้ำขัง เพราะอาจทำให้เกิดรากเน่า เวลารดน้ำ นอกจากรดที่โคนต้นแล้ว ควรรดที่ใบ เพื่อล้างฝุ่น และทำความสะอาดใบไปด้วย เนื่องจากใบของต้นไม้ชนิดนี้ จะมีพื้นใบที่หยาบเล็กน้อย ซึ่งสามารถกักเก็บฝุ่นได้ในระดับหนึ่งแนะนำให้ปลูกไว้ในมุมที่เป็นหน้าบ้าน หรือในสวนกลางแจ้ง เพื่อให้ง่ายต่อการดูแล และรดน้ำ ทั้งยังช่วยกันฝุ่นจากภายนอกเข้ามาในบ้าน หรือหากใครอยากปลูกไว้ช่วยฟอกอากาศภายในบ้าน ให้วางไว้ในห้องที่มีอากาศภ่ายเทได้ดี และควรมีแสงส่องถึง เพื่อให้ต้นไม้ได้รับแสง และไม่เกิดปัญหารากเน่า2. ยางอินเดียเป็นไม้ยืนต้นอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความนิยมสูงมาก เพราะมีลักษณะใบที่สวยงาม มันวาว มีรูปทรงวงรี ปลายใบแหลม ผิวมัน สวยงาม ลำต้นสีน้ำตาลอมเขียว มียางสีขาว คล้ายยางพารา สีของใบ มีหลายแบบ ทั้งสีเขียว ดำ และใบด่างขาว-ด่างชมพู ที่นิยมปลูกมากที่สุด จะเป็นยางอินเดียดำ เพราะสีใบที่เป็ฯเอกลัษณ์ และคุณสมบัติในการฟอกอากาศได้ดีเยี่ยม ผู้คนจึงนิยมปลูกในบ้าน ไว้ประดับตกแต่งตามมุมต่างๆ หรือตกแต่งคาเฟ่ยางอินเดีย มีคุณสมบัติในการฟอกอากาศได้เป็นอย่าง ด้วยลักษณะใบที่ใหญ่ แข็ง และมันเงา สวยงาม ไม่ว่าจะตกแต่งที่มุมไหนของบ้านก็เข้าไปหมด แถมยังมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการดูดสารพิษจากอากาศภายในอาคารได้ดีเยี่ยม และยังสามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพที่แสงน้อย ปลูกง่ายทนทาน ทำให้ผู้คนเลือกที่จะมีไว้ติดบ้านนั่นเองการดูแล ต้นไม้ชนิดนี้ เพียงแค่วางไว้ในจุดที่รับแสงรำไร หรือแสงแดดครึ่งวัน ก็เพียงพอแล้ว ดินปลูกใช้เป็นดินร่วน มีความโปร่ง ระบายน้ำได้ดี เช่น ดินใบก้ามปูผสมปุ๋ยคอก และกาบมะพร้าว จะวางในบ้าน ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก มีแสงเพียงพอ หรือวางนอกบ้าน ในจุดที่มีแสงแดดรำไร หรือครึ่งวันยังได้ แต่หากวางไว้กลางแจ้งที่มีแดดจัด แนะนำให้ปลูกเลี้ยงจนไม้แข็งแรงก่อน แล้วค่อยๆ ขยับกระถาง เพื่อรับแสงแดดเรื่อยๆ ไม่ควรนำไปไว้กลางแจ้ง ตั้งแต่เริ่มปลูก เพราะอาจทำให้เกิดใบไหม้ และต้นแห้งตาย รวมถึงการรดน้ำ ควรรดในปริมาณพอดี ทุกวัน ช่วงเช้า เพื่อให้ต้นไม้ได้รับน้ำเพียงพอ เพราะเมื่อได้รับแสงแดดมาก ก็จะคายน้ำค่อนข้างเยอะการปลูกเพื่อตกแต่งบ้าน สามารถวางไว้ภายในห้องที่มีอากาศถ่ายเท และโปร่ง โล่ง หรือจะวางนอกบ้านในจุดที่มีแสงเล็กน้อยก็ได้ เนื่องจากยางอินเดียสามารถเติบโตในพื้นที่แสงน้อยได้ และใบของต้นไม้ชนิดนี้ ช่วยฟอกอากาศได้เป็นอย่างดี ใบสวยงาม แถมยังช่วยดูดสารพิษได้ดีอีกด้วย ควรหมั่นทำความสะอาดใบ โดยเช็ดใบอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ เราก็จะมีต้นไม้สวยๆ ปลูกประดับตกแต่งในบ้านกันแล้วครับ 3. ต้นจิกน้ำ หรือ จิกมุจลินท์เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีความโดดเด่นที่ช่อของดอกห้อยระย้าสวยงาม ดอกเป็นเส้นสีแดง กระจายออกเป็นช่อ ห้อยลงมาตามกิ่ง ยาวประมาณ 40-50 เซนติเมตร เมื่อออกดอกเต็มต้น จะมีความสวยงามมาก ดอกจะบานช่วงกลางคืน ออกดอกในปลายฤดูฝนจนถึงประมาณต้นฤดูร้อน เมื่อดอกบานเต็มที่แล้วร่วงลง ที่พื้นจะเต็มไปด้วยสีแดงเกลื่อนกลาด เป็นภาพที่สวยงามมาก ต้นจิกยังมีสรรพคุณเป็นสมุนไพรทางยาอีกหลายอย่าง เช่น ขับลม แก้ร้อนใน แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง เป็นต้นนอกจากสรรพคุณทางยา ยอดใบอ่อนของจิกน้ำยังนิยมนำมารับประทานเป็นเครื่องเคียงกับน้ำพริก ลาบ น้ำตก อีกด้วย เรียกได้ว่า มีสรรพคุณรอบด้าน หากบ้านใครมีพื้นที่ค่อนข้างเยอะ และมีสระน้ำ จะนิยมปลูกไว้ที่ริมสระ เพราะรากของต้นจิก สามารถช่วยกันดิน และยึดหน้าดินไม่ให้ทรุด เวลาที่ออกดอกห้อยระย้าลงมาริมน้ำ หรือดอกร่วงลงมาในน้ำ จะดูสวยมาก และสามารถปลูกเป็นไม้ประธานในสวน ให้ความร่มเงา ช่วยพรางแสงแดด ลดอุณหภูมิในบ้านได้ดีเลยทีเดียวเนื่องจากเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ การดูแล ต้นจิกน้ำ จึงไม่ยากเลย ในระยะแรกที่ลงดิน ให้ทำไม้ค้ำยันต้นไม้ก่อน เพื่อให้ต้นไม้ได้ทิศทาง และไม่ล้ม ช่วงแรก ให้รดน้ำทุกวันจนกว่ารากจะเดิน และต้นไม้เริ่มติด เพราะต้นจิกชอบน้ำในปริมาณมากหากเป็นหน้าร้อนให้รดน้ำเช้า-เย็น หากเป็นหน้าฝน รดน้ำเฉพาะวันที่ฝนไม่ตก หรือ 1-2 วันต่อครั้ง เมื่อต้นไม้ติดดีแล้ว เราสามารถรดน้ำ 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ก็ได้ แต่หากปลูกไว้ริมสระ แทบไม่ต้องรดน้ำเลย เมื่อต้นจิกโตเต็มที่ จะแผ่ขยายกิ่งก้าน ให้ร่มเงา และมีความสวยงามอย่างมาก4. ฟิโลมรกตเป็นไม้ล้มลุก หรืออิงอาศัย อยู่ในพืชตระกูลฟิโลเดนดรอน ซึ่งมีคุณสมบัติในการฟอกอากาศได้ดีมากอีกชนิดหนึ่ง ลำต้นและใบเป็นสีเขียวเข้ม จะเป็นพุ่มเลื้อยขึ้นตามแนวต้นไม้ใหญ่ หรือหากอยู่ในที่โล่ง จะเลื้อยตามพื้นและสูงขึ้นเป็นพุ่มขนาดเล็ก ใบเรียวยาว ขอบใบหยักเล็กน้อย สีเขียวสวยงามมากพืชตระกูลฟิโลเดนดรอน ถือว่ามีคุณสมบัติในการฟอกอากาศ และดูดสารพิษจากอากาศได้ดีมาก หากปลูกไว้ในบ้าน จะช่วยทำให้อากาศภายในบ้านปลอดโปร่ง ช่วยปรับสภาพอากาศให้สะอาดขึ้น และแน่นอน ช่วยให้ความร้อนภายในบ้านลดลง รวมถึงใช้ประดับตกแต่งในบ้านได้อีกด้วย หากปลูกไว้เยอะๆ จะยิ่งช่วยเพิ่มมุมสีเขียวในบ้าน ดูแล้วสบายตา สบายใจ สดชื่นขึ้นเยอะเลยการดูแล ต้นไม้ชนิดนี้ เพียงรดน้ำ 1-2 วันต่อครั้ง ได้รับแสงแดดรำไร และปลูกในดินร่วน ไม่ต้องใส่ปุ๋ยเยอะมาก เท่านี้ก็เติบโตได้ดีแล้ว แถมยังขยายพันธุ์ง่าย โดยการตัดกิ่งปักชำ แค่นี้ก็มีพื้นที่สีเขียวในบ้านแล้ว หรือจะนำกิ่งที่มีรากมาแช่น้ำ ใส่แจกัน ตั้งโต๊ะ ก็อยู่ได้สบายๆ เรียกว่า เลี้ยงง่ายสุดๆ เลยครับฟิโลมรกต หรือ มรกตหยก เป็นไม้เลี้ยงง่าย จะวางมุมไหนของบ้านก็อยู่ได้เกือบหมด ขอแค่มีแสงส่องถึงเล็กน้อย และมีอากาศถ่ายเท เท่านี้ก็น้องๆ ก็จะเติบโต และอยู่ได้สบายๆ เลย 5. ลิ้นมังกรงาช้าง หรือว่านงาช้างเป็นไม้ประดับขนาดเล็ก ที่มีสรรพคุณทางยา และยังช่วยฟอกอากาศได้อย่างดีเยี่ยม ลำต้นอยู่ใต้ดิน และมีใบเรียวยาวเป็นสีเขียว รูปร่างกลม ยาวได้ถึง 1 เมตร หรือมากกว่านั้น ลักษณะคล้ายงาช้าง มักจะออกดอกช่วงฤดูหนาว ดอกเป็นช่อ เป็นทรงกลมขนาดเล็ก สีขาวอมม่วง ช่อดอกจะตั้งขึ้นจากโคนต้น กลิ่มหอมสดชื่นลิ้นมังกรเป็นพืชที่ฟอกอากาศได้อย่างดีเยี่ยม และช่วยดูดซับสารพิษในอากาศได้ดี เมื่อปลูกไว้ในบ้าน จึงช่วยให้อากาศสดใส และลดมลพิษในบ้านได้อย่างดี ด้วยลักษณะที่โดดเด่นของใบที่คล้ายงาช้าง เราจึงนิยมปลูกเลี้ยงไว้เพื่อประดับภายในบ้าน หรือในห้องทำงาน และยังถือว่าเป็นไม้มงคลที่ช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกจากบ้านอีกด้วยการดูแล ต้นไม้ชนิดนี้ไม่ยากเลยครับ ใช้ดินปลูกที่โปร่ง ร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี จะเป็นดินผสมใบก้ามปู หรือขุยมะพร้าวก็ได้ สามารถวางในพื้นที่แดดรำไร หรือแสงแดดครึ่งวันก็ได้ ใส่ปุ๋ยออสโมโค้ทบำรุง 4-6 เดือนต่อครั้ง แค่นี้ก็ได้ลิ้นมังกรสวยๆ ไว้ประดับบ้านแล้วครับจะวางมุมไหนของบ้านก็ได้ หรือถ้าจะปลูกเรียงรายลงดินเป็นแนวรั้ว หรือใส่กระถางวางเรียงตามขอบกำแพงก็ได้หมด แค่ดูแลอย่างถูกวิธี ต้นลิ้นมังกรก็พร้อมออกดอกให้ทุกๆปีแล้ว 6. มอนสเตอร่าไม้ฟอกอากาศยอดนิยม ที่คนรักต้นไม้ทุกคนจะต้องมีไว้ที่บ้าน จะตกแต่งบ้าน คาเฟ่ หรือ ที่ทำงานก็ได้หมด ด้วยใบที่เป็นเอกลักษณ์ ก้านยาว ใบสีเขียว มันวาว สวยงาม และมีขนาดใหญ่ ใบกลม ลักษณะเป็นแฉก ลำต้นจะเลื้อยขึ้นไปตามไม้ใหญ่ เป็นลักษณะพืชอิงอาศัย แต่ปัจจุบัน ผู้คนนิยมปลูกตกแต่งภายในบ้าน เพราะช่วยฟอกอากาศ และเติบโตได้ในที่แสงน้อย หรือแสงแดดรำไร ชอบอยู่ตามพื้นที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยฟอกอากาศ และรูปทรงสวยงาม มอนสเตอร่านิยมปลูกทั้งประดับตกแต่งในบ้าน นอกบ้าน จัดสวนตามคาเฟ่ หรือสถานที่ทำงานก็ได้หมด หากเป็นมอนสเตอร่าที่มีใบด่าง ราคาจะสูงมาก หากปลูกในบ้าน หรือาคาร ก็จะช่วยระบายอากาศ และฟอกอากาศให้สดชื่นการดูแล ต้นมอนสเตอร่า ควรปลูกในจุดที่ได้รับแสงแดดปานกลาง หากจะปลูกในบ้าน ควรวางตรงที่ที่มีแสงงแดดรำไร ไม่ควรโดนแสงแดดแรงๆ โดยตรง เพราะจะทำให้ใบไหม้ สามารถรดน้ำสัปดาห์ละครั้งก็ได้ เพราะจะไม่ชอบให้ดินแฉะ ช่วงหน้าร้อนหรือเมื่อดินแห้งให้รดน้ำถี่ขึ้น หรือ 2-3 วันต่อครั้ง และลดการให้น้ำในช่วงฤดูฝน หรือเมื่อเห็นว่าดินยังชุ่มอยู่ หากรดน้ำน้อยหรือมากเกินไปจะทำให้ต้นไม้เน่า หรืออาจจะโตช้าแนะนำให้ปลูกใส่กระถางที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และทำหลักให้มอนสเตอร่าเลื้อยขึ้นไปตามเสา หากต้นโตเต็มที่ หรือเลื้อยจนสุดเสาแล้ว สามารถนำมาตัดข้อ เพื่อขยายพันธุ์ต่อไปได้ โดยตัดช่วงให้ข้อใบอยู่ตรงกลาง และนำมาปักชำให้ติดราก จากนั้นพอกิ่งใหม่แตกออกมาเป็นใบเลี้ยง ประมาณ 2-3 ใบ ก็นำไปลงกระถางได้เลยครับเป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับเทคนิคดีๆ ที่ช่วยให้บ้านองเรามีอากาศที่ดี และลดอุณหภูมิในบ้าน ให้เย็นสบายขึ้น หวังว่าบทความนี้ จะมีประโยชน์กับใครหลายๆ คนที่กำลังมองหาวิธีช่วยสภาวะโลกร้อนกันบ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ Photo By Between Sky And Earth เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !