คนไทยเรารู้จักเสือโคร่งในฐานะสัตว์ป่าที่มีสัญชาตญาณนักล่าอย่างเต็มตัว ละครหรือภาพยนตร์เรื่องแล้วเรื่องเล่า สร้างภาพจำให้เสือเป็นสัตว์ดุร้าย จ้องจะขย้ำเหยื่อทั้งคนและสัตว์ชนิดอื่นทุกครั้งที่มีโอกาส หรือแม้กระทั่งความเชื่อที่นำเสือไปเชื่อมโยงกับมนตร์ดำไสยศาสตร์ ทำให้เรารู้สึกกลัวและเกรงขามเสือทุกตัวรูปภาพโดย Joshua Lee : Unsplashรู้หรือไม่ว่าบนโลกใบเดียวกันนี้ ในขณะที่เรากลัวเสือแทบเป็นแทบตาย แต่กลับมีคนอีกกลุ่มที่รู้จักเสือในฐานะแมวที่มีขนาดใหญ่ สร้างอุตสาหกรรมผลิตเสือเพื่อจัดจำหน่ายให้ไปเป็นสัตว์เลี้ยง สัตว์แสดงโชว์ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เสือเชื่องเป็นหมาเฝ้าบ้าน และตักตวงเอาผลประโยชน์เป็นกำไรจากพวกมันได้อย่างมหาศาล โดยเป็นการกระทำที่ฝืนธรรมชาติ และกำลังทำให้เสือโคร่งเข้าสู่ภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์รูปภาพโดย Vincent van Zalinge : Unsplashเรื่องนี้มาจากสารคดีที่ผู้เขียนได้ดูในช่วงที่ออกจากบ้านไม่ได้นี่เอง ว่าด้วยการตีแผ่กระบวนการลักลอบค้าเสือโคร่งในสหรัฐอเมริกา สมัยก่อนเราจะคุ้นชินกับภาพเสือโคร่งในสารคดีที่อาศัยอยู่ชุกชุมในป่า แต่เชื่อหรือไม่ว่าทุกวันนี้ ประชากรเสือในธรรมชาติมีน้อยกว่าเสือที่เราเห็นในสวนสัตว์ คณะละคร หรือแม้กระทั่งเสือที่พบตามบ้านเรือนในบางประเทศ ซ้ำพวกมันยังเป็นเสือที่มาจากแหล่งเพาะเลี้ยง ไม่ได้เป็นเสือที่มาจากธรรมชาติไม่ว่าเราจะไปเปิดประวัติศาสตร์หน้าไหน เสือกับมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยญาติดีต่อกันเลย ตั้งแต่สมัยโบราณมีการล่าเสือเพื่อถอดเขี้ยวมาทำเครื่องประดับ ถลกหนังมาเป็นพรมตกแต่งที่อยู่อาศัย แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป มนุษย์จึงรู้จักนำเสือมาใช้ประโยชน์ โดยการฝึกให้เชื่องแล้วมอบหมายให้เป็นพระเอกประจำคณะละคร นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การเพาะพันธุ์เสือเพื่อค้าขายขยายวงกว้างมากขึ้นรูปภาพโดย Michael Green : Unsplashหลายรัฐในสหรัฐอเมริกา ชาวบ้านธรรมดาสามารถครอบครองเสือได้อย่างง่ายดายและถูกกฎหมาย เหมือนกับบ้านเราที่อยากจะไปอุปการะหมาแมวมาเลี้ยงได้ตลอดเวลา การแยกลูกเสือออกจากแม่ตั้งแต่อ้อนแต่ออก คือการทำลายสัญชาตญาณนักล่าในสายเลือดของมันให้หมดไป เสือเจ้าป่ากลายเป็นหมาแสนเชื่อง เป็นแมวตัวใหญ่ที่คลอเคลียเจ้าของตลอดเวลา ที่สำคัญคือเป็นสินค้าที่สร้างกำไรให้ผู้ครอบครองรูปภาพโดย Waldemar Brants : Unsplashไม่ว่าจะเป็นสวนเสือ สวนสัตว์ งานเทศกาลประจำหมู่บ้าน ใครที่เลี้ยงเสือให้เชื่องจนคนอื่นใกล้ชิดลูบหัวได้ เพียงนำเสือออกไปให้ชาวบ้านลูบคลำสองสามที ก็ได้เงินติดไม้ติดมือกลับมาโดยไม่ต้องเปลืองแรง ซึ่งหลายคนอ้างว่าเป็นการหารายได้เพื่อบริจาคให้กองทุนช่วยเหลือสัตว์ป่า จึงยิ่งทำให้บรรดาคนที่หลงรักเสือย่อมทุ่มเงินโดยเต็มใจปัจจุบันสถานการณ์เสือโคร่งในสหรัฐอเมริกาเข้าขั้นวิกฤต จากการลักลอบค้าเสือโคร่งไปทั่วโลก ตั้งแต่ทวีปอเมริกา ยุโรป รวมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ตามมติของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือ ไซเตส (CITES) ประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการลักลอบค้าเสือโคร่งจึงต้องถูกสอบสวน ทั้งประเทศไทย จีน เวียดนาม ลาว สาธารณรัฐเช็ค แอฟริกาใต้ และสหรัฐอเมริกา จึงต้องติดตามประเด็นนี้กันต่อไปอย่างจริงจังรูปภาพหน้าปกโดย Dušan Smetana : Unsplash