พบผู้ป่วยติดเชื้อ "เดลตา" มีไวรัสในเลือดสูงกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 300 เท่า!

วันนี้( 25 ส.ค.64) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีใต้ เปิดเผยผลวิจัยพบว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา หรือ สายพันธุ์อินเดีย มีปริมาณไวรัสในเลือดสูงกว่า 300 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิม โดยปริมาณไวรัสจะสูงที่สุดในช่วงที่ผู้ป่วยเริ่มแสดงอาการ และจะค่อยๆลดลงมาเหลือเท่ากับปริมาณไวรัสในเลือดของผู้ป่วยที่ติดเชื้อสายพันธุ์อื่น 10 วัน หลังจากการติดเชื้อขึ้นสู่ช่วงสูงสุด 

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยย้ำว่าข้อมูลดังกล่าว ไม่ได้หมายความว่าเชื้อสายพันธุ์เดลตาแพร่เชื้อได้มากกว่า แต่ปริมาณเชื้อไวรัสที่สูงกว่าจะเพิ่มโอกาสที่ผู้ติดเชื้อจะแพร่เชื้อให้ผู้อื่น สำหรับการวิจัยครั้งนี้ ได้เปรียบเทียบปริมาณไวรัสในเลือดของผู้ป่วยที่ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา 1,848 คน กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อสายพันธุ์อื่นจำนวน 22,106 คน 

นักวิจัยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีใต้ คาดว่าอัตราการแพร่เชื้อของสายพันธุ์เดลตา สูงกว่าสายพันธุ์อัลฟา หรือ สายพันธุ์อังกฤษ 1.6 เท่า และสูงกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม 2 เท่า ขณะที่การวิจัยของจีนที่เผยแพร่เมื่อเดือนที่แล้วพบว่า ผู้ป่วยสายพันธุ์เดลตามีปริมาณเชื้อไวรัสในเลือดสูงกว่าผู้ป่วยสายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 1,000 เท่า โดยจะพบเชื้อไวรัสหลังจากติดเชื้อ 4 วัน

ขณะที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ นครซิดนีย์ของออสเตรเลีย พบผู้ป่วยรายใหม่วันนี้ 919 คน ทำสถิติผู้ป่วยรายวันสูงสุด แม้อยู่ภายใต้มาตรการจำกัดพื้นที่มาเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว ในจำนวนนี้ 113 คนมีอาการหนัก และ98 คน ยังไม่ฉีดวัคซีน นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดในรัฐนิวเซาท์เวลส์รอบนี้เพิ่มเป็น 76 คน หลังเริ่มมีการระบาดในนครซิดนีย์เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ โรงพยาบาลเวสต์มีด ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ต้องลดจำนวนรถพยาบาลที่รับผู้ป่วยติดเชื้อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และย้ายผู้ป่วยที่มีอาการหนักไปยังโรงพยาบาลอื่นแทน

ส่วนรัฐมนตรีสาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ยอมรับว่า ระบบสาธารณสุขของรัฐกำลังเผชิญกับภาวะตึงตัว แต่ยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่จัดการได้