รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
26 กันยายน 2565 ( 09:36 )
490
เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index ยังอยู่ในช่วงพักฐานลงหาระดับ 1,620+- จุด จากแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกที่กดดันบรรยากาศการลงทุน ตลาดยังคงกังวลทิศทางเงินเฟ้อที่ยังสูง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่มีแนวโน้มปรับขึ้น กดดันให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวและอาจเกิด Recession ในปีหน้าโดยเฉพาะในฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป ส่วนเอเชียยังต้องติดตามจีนที่ตัวเลขเศรษฐกิจระยะหลังมีแนวโน้มชะลอตัว ซึ่งอาจกระทบต่อไทยบ้างในฝั่งการส่งออก 

 

อย่างไรก็ตามเรายังคงมองว่า SET Index จะปรับลงจำกัดกว่าจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ทยอยเร่งตัวใน 2H22-2023 โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่กำลังจะเข้า High Season ใน 4Q22 คาดหนุนทั้งเศรษฐกิจและลดแรงกดดันบาทที่อ่อนค่าเร็วในระยะนี้ หุ้นในกลุ่ม Domestic และ Reopening Play คาดยังแกว่งตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด ขณะที่การประชุมกนง. 2 ครั้งที่เหลือของปีคาดปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% หนุนกลุ่มธนาคารให้ Outperform ในระยะนี้ ส่วนจังหวะตลาดผันผวนและดัชนีพักตัวลงหาบริเวณ 1,600-1,610+- จุด เรามองเป็นจังหวะในการทยอยสะสมหุ้นเพิ่ม

 

กลยุทธ์ : ลงทุนใน Domestic และ Selective Play // รอสะสมหุ้นช่วงปรับฐาน 1,600-1,610+- จุด

หุ้นเด่นเดือนก.ย. : CPN, KTB, M, PRM, TU

 

หุ้นเด่นวันนี้ : JWD

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23 บาท

• แนวโน้มกำไร 3Q22-4Q22 จะดีขึ้นตามฤดูกาลและธุรกิจใหม่ที่เริ่มดำเนินการ ห้องเย็นโตดีมาก PACM Cold Storage เริ่มให้บริการ เม.ย. ปัจจุบันเต็ม 100% ห้องเย็นที่สระบุรีจะเริ่มให้บริการ ต.ค. นี้ ส่วน PACT ที่ร่วมกับ TU จะเปิด 1Q23 คลังสินค้ามี Occupancy Rate เต็มเกือบตลอดเวลา 

• Self-Storage จะเปิดสาขาเพิ่มเดือนละ 1 สาขาร่วมกับ CPN ตั้งเป้าพื้นที่ให้บริการ 1 แสนตรม.ภายใน 5 ปี ผู้บริหาร ยังคงเป้ารายได้ 1 หมื่นลบ. Net margin 15% ภายในปี 2025-2026 เราเชื่อว่าเป็นไปได้ คงประมาณการกำไรปี 2022-2023 +32% Y-Y และ +15% Y-Y

• แนวรับ 17.50//17 บาท แนวต้าน 18.50-18.70 บาท

 

**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ 1620-1655 จุด (สัปดาห์ที่ผ่านมา 1,631.7 จุด / +0.08%) ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้น่าจะดีขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากการแข็งค่าของ Dollar และ Bond Yield ของสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง อาจทำให้นักลงทุนรีรอที่จะซื้อสินทรัพย์ต่างๆ

 

คาดเงินยังไหลออกจากตลาดหุ้นหลาย ๆ แห่ง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป ต้องจับตาดูว่าค่าเงินบาทของไทยจะยังคงอ่อนค่าถึงเมื่อไหร่ มีผลต่อ Flow ของนักลงทุนต่างประเทศ

 

ให้ความสนใจกับศาลรัฐธรรมนูญตัดสินปมนายกฯ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร จะไม่กระทบต่อตลาดหุ้นไทย

 

Strategy

•ตลาดยังไม่น่าจะไปไหนได้ไกลเพราะ นักลงทุนรอประเมินทิศทางหลัง Fed เตรียมขึ้นดอกเบี้ยจนอาจเกิด Recession ดัชนีฯ อาจ Rebound แต่การลงทุนต้องเน้นเป็นตัวๆ และ trading ช่วงสั้นๆ

• เราให้น้ำหนัก หุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขึ้น จะเป็นกลุ่มธนาคารบางตัว (BBL, KBANK)   และหุ้นธุรกิจประกันชีวิต (BLA, TLI)

• การอ่อนค่าของเงินบาท มีผลบวกต่อหุ้นส่งออกมาก เพราะ  Demand ชะลอตัว หุ้นที่เป็นบวก ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มเกษตรและอาหาร เราชอบ TVO , TFG, GFPT 

• หุ้นที่ราคาลงมาลึกๆ และมีโอกาส rebound จาการที่นักลงทุนเลี่ยงความเสี่ยง วันนี้ เราชอบ OSP

• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เรานำหุ้น CENTEL, BANPU, ASIAN ออกจากพอร์ต และนำหุ้น PLANB, THG*, BLA* เข้ามาในพอร์ต หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย PLANB(10%), THG*(10%), BLA*(10%), BBL(10%), TFG*(10%), WHA(10%), NEX(10%), CKP(10%)

 

Strategy Stock Pick

PLANB: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 7.70 บาท) “สื่อนอกบ้านฟื้นต่อเนื่องรับ Grand opening ไทย”

• ประเมินรายได้จากสื่อนอกบ้านและสื่อใน Mass Transit เติบโตรับการเปิดเมือง-เปิดประเทศอย่างเป็นทางการ (ไทยยุบ ศบค. 1 ต.ค.) ล่าสุดยอดโฆษณา 8 เดือน OOH +68%YoY

• แนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้น PLANB ประเมินราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง เช่นเดียวกับกลุ่มเปิดเมืองอื่นๆ 

• DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 561 ลบ. และ 880 ลบ. +777%YoY , +57%YoY ตามลำดับ

 

Technical : KCC, SICT

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด วาง Filter แนวรับ SET ที่ 1,627 กรณียืนไม่ได้ดัชนีมีโอกาสปรับฐานสู่ระดับ 1,600 – 1,610 ถูกกดดันจาก ธ.กลางหลักเร่งขึ้นดอกเบี้ย แนะนำซื้อบริเวณแนวรับ KBAK,BBL,BLA,TLI (+ดอกเบี้ยสูง)/ AAV,BA,TOA,EPG (ราคาน้ำมันลดลง)/ ADVANC,GULF,BEM กลุ่มปลอดภัย   

 

BA* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 12.00 บาท) บริษัทวางเป้าทั้งปี 65 มีปริมาณเที่ยวบิน 34,000 เที่ยว และจำนวนผู้โดยสาร 2.6 ล้านคน โดยเราคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการ 3Q65 จะทยอยดีขึ้นจากสถิติตัวเลขการบินที่เป็นช่วง High Season ของนักท่องเที่ยวยุโรป ขณะที่แรงกดดันด้านต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มผ่อนคลายลง รวมถึงการบริหาร Passenger Yield ผ่านการเพิ่มเส้นทางบินต่างประเทศ และปรับลดขนาดฝูงบินให้สอดคล้องกับความต้องการเดินทาง จะทำให้ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น ส่วนการตั้งกอง BAREIT จะทำให้มีเงินสดเข้ามา 1.4 หมื่นล้านบาท สามารถนำไปคืนหนี้และเตรียมลงทุนสนามบินอู่ตะเภา แม้ในระยาวจะมีดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นจากกองฯ แต่ว่าจะชดเชยด้วยการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวในปีถัดๆ ไป รวมถึงลุ้นการได้รับอนุมัติเพิ่มเที่ยวบินสมุยจาก 50 เป็น 70 เที่ยว/วัน ช่วงต้นปีหน้า

 

MC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 11.90 บาท) แนวโน้มการดำเนินงานเข้าสู่ High Season ในช่วง ต.ค.-ธ.ค.65นี้(งวดบัญชี 2Q66) ขณะที่ภาพรวมของปี66 ทางMC* วางเป้ายอดขายที่ระดับ 3.5 พันลบ.(จากปีก่อนที่ราว 3 พันลบ.) ปัจจัยหนุนจากการออกสินค้าใหม่ๆรวมถึงการเปิดสาขาเพิ่ม โดยมีแผนเปิดสาขา Mc Outlet  เพิ่มอีก 50 สาขาจากปีบัญชี 2565(สินสุด 30 มิ.ย.65) ที่ 72 สาขา ภายใต้งบลงทุนราว 2 ลบ./สาขา ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี66 และ ปี67 จะฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 65 ที่ 486 ลบ. มาอยู่ที่ 586 ลบ.(+20%YoY) และ 667 ลบ.(+14%YoY)  ตามลำดับ อนึ่งทาง บ. ประกาศจ่ายปันผลที่ 0.28 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. Yield ราว 2.7% จากราคาปิดวันที่ 23 ก.ย.65 โดยจะขึ้น XD วันที่ 03 พ.ย. 65

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง