ราคาหมูลดลงแล้ว! วอร์รูมพาณิชย์ติดตามสถานการณ์สินค้า ชี้เริ่มทรงตัว - เกาะติดม็อบสิบล้อ

ข่าววันนี้ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานกำกับติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าแก้ไขปัญหาและดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนและกระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือวอร์รูม ว่า จากการติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าที่เฝ้าระวังในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า มีราคาทรงตัวและบางชนิดเริ่มปรับลดลง โดยเฉพาะเนื้อหมู ราคาลดลงค่อนข้างชัดเจน โดยราคาจำหน่ายหมูเนื้อแดง ส่วนสะโพก ไหล่ ไม่รวมหมูเนื้อแดงปรุงแต่ง อยู่ที่กิโลกรัม (ก.ก.) ละ 164-170 บาท ลดจากสัปดาห์ที่แล้ว (วันที่ 30 ม.ค.) ที่ราคาเฉลี่ยทั้งประเทศ ก.ก.ละ 187 บาท และตอนนี้เฉลี่ยทั้งประเทศ ก.ก.ละ 175 บาท

สำหรับเนื้อไก่ ราคาเริ่มทรงตัว เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว โดยราคาที่จำหน่ายในห้างเนื้อน่องติดสะโพก ก.ก.ละ 65 บาท เป็นราคาที่กระทรวงพาณิชย์กำกับดูแล และในตลาดสด ราคาแตกต่างกันแต่ละพื้นที่ แต่เฉลี่ยอยู่ที่ ก.ก.ละ 70-75 บาท และคาดว่า แนวโน้มราคาจะยังทรงตัวต่อไป เพราะต้นทุนอื่นๆ ยังคงที่

ส่วนน้ำมันพืชปาล์ม แนวโน้มราคาไม่น่าจะสูงขึ้นแล้ว และกำลังเริ่มลดลง แต่จะยังทรงตัวในระดับนี้ต่อไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ จากนั้นราคาจะปรับตัวลดลง เพราะผลผลิตปาล์มสด เริ่มออกสู่ตลาดในช่วงเดือนมี.ค. 2565 เป็นต้นไป ทางด้านผักสด มีราคาทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง แต่ละจังหวัดแตกต่างกัน ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วๆ ไป ราคาทรงตัว

นายบุณยฤทธิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้รับทราบผลการจัดชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจออกตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยในกรุงเทพฯ มี 55 ชุด และภูมิภาคทุกจังหวัด ซึ่งในกรุงเทพฯ ได้ตรวจสอบตลาดสด 103 แห่ง ห้างค้าส่งค้าปลีก 101 แห่ง และในต่างจังหวัดก็ตรวจสอบทั้งตลาดสด และห้างเช่นเดียวกัน โดยรายที่พบการกระทำผิดกฎหมาย เช่น ไม่ปิดป้ายแสดงราคา ขายเกินราคา ได้ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว

นอกจากนี้ วอร์รูมได้มอบหมายให้มีการติดตามสถานการณ์สินค้าอุปโภคบริโภคอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ เช่น ซอสปรุงรส เครื่องใช้ไฟฟ้า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป สินค้าที่เป็นปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง อาหารสัตว์ และสินค้าเกษตรสำคัญ รวมถึงติดตามปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการปรับลดหรือขึ้นของสินค้า เช่น ราคาน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม และติดตามสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ นายบุณยฤทธิ์ ยังกล่าวถึง การเคลื่อนไหว ของผู้ประกอบการรถบรรทุกที่อาจจะมีการปรับขึ้นราคาค่าขนส่ง หรือ หยุดการขนส่ง ทำให้หลายคนกังวลว่าจะกระทบเป็นลูกโซ่ ต่อเนื่องไปถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคว่า ต้นทุนพลังงาน เป็นเพียงต้นทุนส่วนหนึ่งในการผลิตสินค้าไม่ใช่ทั้งหมด

ซึ่งจากการวิเคราะห์ของ กรมการค้าภายใน ในส่วนของต้นทุนพลังงาน แต่ละสินค้า ก็จะได้รับผลกระทบแตกต่างกันไป โดยต้นทุนพลังงานหลักๆ จะมีทั้งในส่วนของค่าไฟฟ้า และน้ำมัน ที่ส่วนใหญ่จะเป็นดีเซลในการขนส่ง ขณะนี้กระทรวงพลังงาน ได้ดูแลราคาดีเซลอยู่

รวมทั้งต้นทุนวัตถุดิบที่ยังพอจัดการได้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ ขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตสินค้าเกือบทุกกลุ่ม ตรึงราคาออกไประยะหนึ่ง แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงไปหลังจากการเรียกร้อง อาจจะส่งผลกระทบบ้าง เช่น กรณีผู้ประกอบการอาจจะระงับการขนส่งนั้น จะต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด แต่เชื่อว่ากระทรวงพลังงาน น่าจะพูดคุยจนได้ข้อสรุปถึงแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน

ด้านนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ย้ำว่า ธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง ก็คือ ธุรกิจให้บริการขนส่ง ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภค ต้นทุนไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก เพราะรัฐบาล ก็ได้ดูแลราคาน้ำมันดีเซลอยู่ ทำให้ไม่น่าจะกระทบกับต้นทุนมากไปกว่านี้ เช่นเดียวกับแก๊สหุงต้ม (LPG) ที่อาจจะการปรับราคาต่อถังขึ้นนั้น มีวิเคราะห์แล้วจะกระทบกับอาหารจานเดียวน้อยมาก เพราะแก๊ส 1 ถัง สามารถปรุงอาหารได้เป็น 100 จาน ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยต่อจาน จึงไม่มีผลกระทบมากนัก จนเป็นเหตุให้ร้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารจานเดียว ฉวยโอกาสนี้ปรับขึ้นราคาได้