ซีอีโอยินดีถก 'บิ๊กตู่' ฟื้นศก. หอค้าทวงแผนรัฐรับมือระยะยาว หนุนต่อมาตรการ-ขยายเพดานกู้ช่วยเพิ่มกำลังซื้อปชช.

เมื่อค่ำวันที่ 20 เมษายน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมเปิดเวทีพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูง(ซีอีโอ)ภาคเอกชน เพื่อหารือและร่วมแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น ว่า ถือเป็นการดีที่ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล เปิดรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชน และประชาชน ในส่วนภาคเอกชนพร้อมเข้าหารือ และเตรียมเสนอเพิ่มเติมถึงแนวทางแก้ไขปัญหา และฟื้นฟูประเทศ ร่วมกัน โดยจะนำเสนอข้อสรุปจากก่อนหน้านี้ ตนพร้อมคณะกรรมการหอการค้า ได้พบปะหารือกับผู้ประกอบการในประเทศ ในการลงพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งจังหวัดท่องเที่ยว จังหวัดค้าชายแดน รวมถึง นักธุรกิจและนักลงทุนต่างประเทศ ที่ได้มีการพูดคุยกัน
“หลักๆจากที่ได้หารือจะเน้นให้เร่งแก้ปัญหา และฟื้นสถานการณ์เศรษฐกิจ ที่เรากำลังเจอในปีนี้ ที่เป็นทั้งแผนระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว โดยจะขอข้อมูลจากสมาชิกและกรรมการ รวมถึง ผู้ประกอบการทั่วประเทศ เพิ่มเติมอีกครั้ง และเตรียมข้อเท็จริงและข้อเสนอล่าสุด ก่อนมีโอกาสเข้าพบนายกฯ ” นายสนั่น กล่าว
นายสนั่น กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ ที่รัฐบาลเคยเปิดเวทีคุยภาคเอกชน นั้น ต้อมยอมรับว่าในช่วงแรก การดำเนินการในประเด็นเรื่องวัคซีน อาจล่าช้าไปบ้าง แต่รัฐบาลก็ได้มีการควบคุมสถานการณ์โควิด ได้ดีขึ้น จนมีวัคซีนกระจายทั่วถึง ซึ่งตรงนี้ ทางภาคเอกชนก็รอให้รัฐบาลประกาศให้โควิด เป็นโรคประจำถิ่น เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนข้อเสนอด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ผ่านมา มีมาตรการออกมา หลายส่วนทั้ง คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น ก็มีมาตรการที่ได้ผล และไม่ได้ผล อย่างบางมาตรการเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ก็ยังช่วยได้ไม่เต็มที่และไม่ทั่วถึง ตรงนี้ต้องมาหาแนวทางร่วมกัน โดยควรมีมาตรการช่วยแต่ละกลุ่มธุรกิจที่ไม่วเหมือนกัน สำหรับเรื่องการลดค่าใช้จ่าย เรื่องเงินเฟ้อ ภาคเอกชนเคยทักไปตั้งแต่ปีที่แล้วเกิดขึ้นจริง รวมถึงมีสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ในส่วนนี้ทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจไม่แน่นอน เราต้องมาดูว่า จะช่วยชะลอ และบรรเทาความเดือดร้อน โดยไม่ฝืนกลไกตลาดโลกได้อย่างไร อย่างที่ช่วยตรึงราคาพลังงาน ก็คงทำได้ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
” อีกเรื่อง คือ ปฏิรูประยะยาว ที่เราเคยเสนอไป ทั้ง ease of doing business แก้กฎระเบียบต่างๆ ที่ล้าสมัย รวมถึง การขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศที่เกี่ยวกับ BCG(เศรษฐกิจสีเขียว) EEC (เขตเศรษฐกิจพิเศษ) และแนวทาง ESG (การดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ) เป็นต้น ประเด็นเหล่านี้ แม้มีความคืบหน้า แต่คงต้องนำมาสื่อสารให้ ประชาชน และผู้ประกอบการ เข้าใจอย่างชัดเจนและเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน ” นายสนั่น กล่าว
นายสนั่น กล่าวอีกว่า ขณะนี้มาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนเพื่อลดภาระประชาชน นั้น นอกจากเสนอให้ต่อโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ต่อจากสิ้นเดือนเมษายนที่จะสิ้นสุดเฟส4 และให้เพิ่มจำนวนเงินต่อรายเป็น 1,500 บาท ที่เสนอไปก่อนหน้านี้แล้ว ยังมีเรื่องโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่สิทธิ์หมดไปแล้ว อยากให้ต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายธุรกิจและประชาชน ทั้งด้านภาษี ค่าสาธารณูปโภค ต่างๆด้วย นอกจากนั้น ยังมีประเด็นเรื่องการเลื่อนการบังคับใช้ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (พรบ. PDPA) และภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่เป็นภาระทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ ที่อยากขอให้ชะลอการเก็บเต็มจำนวนไปก่อน หากสามารถทยอยขึ้นให้เป็นขั้นบันได ก็จะช่วยในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจไม่ดี ให้ดีขึ้นต่อเนื่อง
นายสนั่น กล่าวเสริมอีกว่า กรณีหลายฝ่ายเสนอให้รัฐบาลขยายเพดานกู้เต็ม 70% หรือ ขยายวงเงินเป็น 1.6 ล้านล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและลดภาระประชาชนนั้น เงินกู้ ปัจจุบันใกล้เต็มเพดานหนี้ไปแล้ว ซึ่งรัฐบาลเคยประกาศไว้เมื่อปี 2564 ว่าการดูแลป้องกัน เพื่อทำให้เศรษฐกิจไทย ฟื้นตัวได้ตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ อยากให้จีดีพีเติบโตได้ 3.5% และ เป็นภาพลักษณ์ ที่ดี จึงจำเป็นกู้เงินมากระตุ้น และพยุงเศรษฐกิจได้
“ส่วนนี้ควรพิจารณาดู เพราะตอนนี้ เป็นสถานการณ์ไม่ปกติ เราโดนทั้ง ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด และ ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย ยูเครน ดังนั้น การกู้เงินมานั้น จะช่วยทั้งสร้างงาน สร้างรายได้ ลดภาระหนี้ เพื่อReboot (ปิดแล้วเปิดเครื่องใหม่)เศรษฐกิจไทย และ ดูแลกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้เกิดการ Recover (ฟื้นตัว)ของเศรษฐกิจ สิ่งสำคัญคือ ความโปร่งใสและประสิทธิภาพของเงินที่ใช้ไปต้องใช้ให้ตรงจุด ” นายสนั่น กล่าว