BAE Systems เผยโฉมต้นแบบเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 6 “Tempest” เตรียมขึ้นบินภายในปี 2027

โครงการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 6 ภายใต้ชื่อ Global Combat Air Programme (GCAP) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสหราชอาณาจักร อิตาลี และญี่ปุ่น กำลังเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อ BAE Systems เปิดเผยความคืบหน้าของ Combat Air Flying Demonstrator หรือเครื่องบินสาธิตต้นแบบ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 6 ที่รู้จักกันในชื่อเครื่องบินขับไล่เท็มเพสท์ (Tempest) ของอังกฤษ

เครื่องบินขับไล่ยุคที่ 6

สำหรับเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 6 นับเป็นครื่องบินรบยุคถัดไป ซึ่งจะมีขีดความสามารถล้ำหน้ากว่าเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 5 อย่างเครื่องบินขับไล่ F-22 Raptor หรือ F-35 Lightning II ทั้งในด้านความล่องหน เทคโนโลยีดิจิทัล และระบบรบอัตโนมัติ โดยยังไม่มีประเทศใดนำไปใช้จริงในภาคสนาม

เครื่องบินขับไล่ Tempest

เครื่องบินขับไล่เท็มเพสท์ (Tempest) ลำนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นเครื่องบินขับไล่ที่อังกฤษสร้างขึ้นเองเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีเท่านั้น แต่ยังถือเป็นต้นแบบแห่งอนาคตที่รวมเอาเทคโนโลยีใหม่ระดับแนวหน้าเข้าไว้ด้วยกัน ตั้งเป้าเริ่มใช้งานจริงในปี 2035 เพื่อแทนที่ Eurofighter Typhoon และเป็นพัฒนาการขั้นต่อไปจาก F-35 Lightning II

ความคืบหน้าขณะนี้ เครื่องบินต้นแบบได้ถูกสร้างเสร็จไปแล้วประมาณสองในสาม โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง เช่น การพิมพ์ 3 มิติ การออกแบบแบบฝาแฝดดิจิทัล (Digital Twin) และ โคโบติกส์ (Cobotics) หรือหุ่นยนต์ที่ทำงานร่วมกับมนุษย์อย่างใกล้ชิดและปลอดภัย

Demonstrator under construction BAE Systems

แม้ยังไม่พร้อมสำหรับการบินจริง แต่ทีมทดสอบจาก BAE Systems, Rolls-Royce และกองทัพอากาศอังกฤษ (RAF) ได้ดำเนินการบินจำลองแล้วกว่า 300 ชั่วโมง เพื่อทดสอบระบบควบคุมการบินและปรับปรุงสมรรถนะโดยรวม

จุดเด่นของเครื่องบินขับไล่ Tempest

จุดเด่นของเครื่องบินขับไล่เท็มเพสท์ (Tempest) อยู่ที่ความสามารถด้านดิจิทัลและการออกแบบที่ยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ AI และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine learning) การควบคุมโดรนฝูงแบบ Loyal Wingman ห้องนักบินเสมือนจริงที่สามารถปรับเปลี่ยนตามภารกิจ ไปจนถึงเทคโนโลยีล่องหนใหม่

ด้านสมรรถนะเครื่องบินขับไล่เท็มเพสท์ Tempest ถูกออกแบบให้สามารถบรรทุกอาวุธได้มากกว่าเครื่องบินขับไล่ล่องหน F-35A ถึงสองเท่า พร้อมพิสัยบินไกลพอจะข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกโดยไม่ต้องเติมเชื้อเพลิง และมีพลังงานสำรองเพียงพอสำหรับใช้งานอาวุธพลังงานและจรวดความเร็วเหนือเสียง

โทนี่ ก็อดโบลด์ (Tony Godbold) ผู้อำนวยการฝ่ายส่งมอบระบบรบทางอากาศแห่งอนาคตของ BAE Systems กล่าวว่า “นี่คือโครงการสำคัญที่จะส่งมอบเครื่องบินสาธิตแบบมีนักบินลำแรกของอังกฤษในรอบ 40 ปี พร้อมทั้งเร่งพัฒนาวิธีการออกแบบและการผลิตขั้นสูง ซึ่งจะยกระดับศักยภาพทางอุตสาหกรรมของประเทศ”

นอกจากเป้าหมายในการพัฒนาเครื่องบินรบยุคใหม่แล้ว โครงการ GCAP ยังถือเป็นการปูรากฐานด้านเทคโนโลยี บุคลากร และระบบดิจิทัล เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ศักยภาพการรบทางอากาศแห่งอนาคตอย่างแท้จริง