ทุกคนล้วนมีช่วงเวลาที่รู้สึกเศร้าใจบ้าง ไม่ว่าจะเกิดจากปัญหาส่วนตัว ความผิดหวัง หรือความเครียดจากการทำงาน วันแบบนี้ การมีคำพูดที่สื่อถึงความรู้สึกของเราได้อย่างตรงไปตรงมาเป็นสิ่งสำคัญ และหากรู้สึกเศร้าใจแต่ยังไม่รู้จะใช้คำอะไรดี? บทความนี้ AORii ขอแนะนำ 10 สำนวนภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยเมื่อรู้สึกเศร้า ไล่ลำดับตั้งแต่เศร้าเบาๆ ไปจนระดับรุนแรง เพื่อให้คุณสามารถสื่อสารความรู้สึกของคุณได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่ายมากขึ้น มาเรียนรู้สำนวนภาษาอังกฤษที่จะช่วยให้คุณถ่ายทอดความรู้สึกในวันที่อ่อนล้าไปได้เลยค่ะ 1. I'm feeling under the weather. – ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย (ใช้ได้ทั้งในเชิงอารมณ์และสุขภาพ) ความหมาย: สำนวน "I'm feeling under the weather" ในภาษาอังกฤษ หมายถึง "ฉันรู้สึกไม่สบาย" หรือ "ฉันรู้สึกไม่ค่อยดี" แต่ความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้นคือ การรู้สึกไม่สบายใจ หรือเศร้าหมอง ซึ่งอาจจะไม่ได้เกิดจากอาการเจ็บป่วยทางกายภาพเสมอไป อาจหมายถึงทั้งป่วยหรือรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ที่มา: ทฤษฎีที่น่าสนใจคือ อาจมาจากการที่เมื่อเรารู้สึกไม่สบาย มักจะรู้สึกไวต่อสภาพอากาศ เช่น เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง หรือมีพายุ เรามักจะรู้สึกไม่สบายตัวได้ง่าย ดังนั้น "under the weather" จึงอาจหมายถึงการได้รับอิทธิพลจากสภาพอากาศที่ไม่ดี ซึ่งส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของเรา อีกทฤษฎีหนึ่งเชื่อมโยงกับการเดินทางทางทะเล ในอดีต กะลาสีเรือที่ป่วยมักจะถูกส่งไปพักผ่อนที่ใต้ดาดฟ้า (under the weather deck) เพื่อรักษาตัว ทำให้คำว่า "under the weather" กลายเป็นคำที่ใช้เรียกคนที่รู้สึกไม่สบายตัว ตัวอย่างประโยค: "I'm feeling a bit under the weather today. I think I'll take a day off work." (วันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย ฉันคิดว่าจะลาพักร้อนสักวัน) "I've been feeling under the weather ever since my best friend moved away." (ฉันรู้สึกหดหู่มาตั้งแต่เพื่อนสนิทของฉันย้ายไปอยู่ที่อื่น) "I've been under the weather lately. I think I need to talk to someone." (ช่วงนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย ฉันคิดว่าฉันควรปรึกษาใครสักคน) สำนวน "I'm feeling under the weather" เป็นสำนวนที่ใช้บ่อยและมีความหมายที่หลากหลาย สามารถใช้เพื่อสื่อถึงทั้งอาการเจ็บป่วยทางกายภาพและความรู้สึกทางอารมณ์ที่ไม่ดี เช่น ความเศร้า ความหดหู่ หรือความผิดหวัง 2. It's just one of those days. – วันนี้เป็นวันที่แย่วันหนึ่งจริงๆ ความหมาย: สำนวนนี้ใช้เพื่อสื่อถึงวันที่ทุกอย่างดูจะไม่เป็นไปตามแผน หรือเป็นวันที่อะไรๆ ก็ดูจะผิดพลาดไปหมด เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกหงุดหงิด เหนื่อยล้า หรือผิดหวังในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ๆ รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่แย่ แต่ยังไม่ถึงขั้นเศร้ามาก ที่มา: น่าจะมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้คน ที่ทุกคนล้วนเคยมีวันที่รู้สึกว่าทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำๆ กัน จึงเกิดเป็นสำนวนนี้ขึ้นมาเพื่อใช้บรรยายถึงวันแบบนั้น แม้ว่าสำนวนนี้จะไม่ได้สื่อถึงความเศร้าโศกอย่างลึกซึ้งเท่ากับสำนวนอื่นๆ เช่น "I'm feeling blue" แต่ก็สามารถใช้เพื่อแสดงออกถึงความรู้สึกเบื่อหน่าย หมดหวัง หรือรู้สึกว่าวันนั้นเป็นวันที่แย่ที่สุดวันหนึ่งได้ ตัวอย่างประโยค: "I can't believe I spilled coffee all over my new shirt. It's just one of those days." (ไม่อยากเชื่อว่าฉันจะทำกาแฟหกเลอะเสื้อใหม่ มันเป็นวันที่แย่จริงๆ) "I've been trying to fix this computer all morning, but nothing is working. It's just one of those days." (ฉันพยายามซ่อมคอมพิวเตอร์มาทั้งเช้าแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลเลย มันเป็นวันที่แย่จริงๆ) สำนวน "It's just one of those days" เป็นสำนวนที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน เพื่ออธิบายถึงวันที่ทุกอย่างดูจะไม่เป็นใจ เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกเบื่อหน่าย หงุดหงิด หรือผิดหวังในระดับหนึ่ง 3. I'm in a bit of a funk. – ฉันกำลังอยู่ในช่วงอารมณ์ขุ่นมัว ความหมาย: สำนวน "I'm in a bit of a funk" หมายถึง การรู้สึกหดหู่เล็กน้อย เศร้า หรืออารมณ์เสีย ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ไม่รุนแรงเท่ากับการรู้สึกเศร้าอย่างหนัก แต่ก็เพียงพอที่จะส่งผลกระทบต่ออารมณ์และความรู้สึกโดยรวม ที่มา: คำว่า "funk" เดิมทีหมายถึงกลิ่นเหม็น หรือความรู้สึกที่ไม่สบายใจ เมื่อนำมาใช้กับสถานการณ์ที่คนเรารู้สึกหดหู่ ก็จะสื่อถึงความรู้สึกที่เหมือนกับว่าจมอยู่ในสิ่งที่ไม่น่าพึงประสงค์ สำนวนนี้มักถูกใช้ในสถานการณ์ที่บุคคลนั้นรู้สึกเบื่อหน่าย หมดกำลังใจ หรือรู้สึกหดหู่เล็กน้อย อาจเกิดจากปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การทำงานหนักเกินไป การทะเลาะกับเพื่อน หรือความรู้สึกเบื่อหน่าย ตัวอย่างประโยค: "I've been working late every night. I'm in a bit of a funk." (ฉันทำงานดึกทุกคืนเลย รู้สึกหดหู่จริงๆ) "I've been feeling a bit of a funk since my favorite TV show ended." (ฉันรู้สึกหดหู่เล็กน้อยตั้งแต่ละครที่ชอบจบลง) การเปรียบเทียบกับสำนวนอื่นๆ: I'm feeling blue: มีความหมายใกล้เคียงกัน แต่ "I'm in a bit of a funk" เน้นความรู้สึกหงุดหงิดและเบื่อหน่ายมากกว่า I'm down in the dumps: เน้นความรู้สึกหดหู่และสิ้นหวังมากกว่า สำนวน "I'm in a bit of a funk" เป็นสำนวนที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน เพื่อสื่อถึงความรู้สึกหดหู่ หรืออารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกที่ไม่รุนแรงมากนัก แต่ก็เพียงพอที่จะส่งผลกระทบต่ออารมณ์และความรู้สึกโดยรวม 4. I'm feeling blue. – ฉันรู้สึกเศร้า ความหมาย: สำนวน "I'm feeling blue" เป็นประโยคที่คุ้นเคย และมักนึกได้เป็นอันดับแรกๆ เวลารู้สึกเศร้าหมอง หมายถึง "ฉันรู้สึกเศร้า" หรือ "ฉันรู้สึกหดหู่" เป็นการแสดงออกถึงอารมณ์ที่หม่นหมองและรู้สึกไม่ค่อยดีนัก ที่มา: สีฟ้ามักถูกเชื่อมโยงกับความเศร้าโศกในหลายวัฒนธรรม เช่น ในเพลงบลูส์ หรือคำเปรียบเทียบ "feeling blue" อาจมาจากการสังเกตเห็นท้องฟ้าสีครามในวันที่ฝนตก ซึ่งมักจะทำให้ผู้คนรู้สึกเศร้าหมอง สำนวนนี้มักถูกใช้ในสถานการณ์ที่บุคคลนั้นรู้สึกเศร้าเสียใจ หรือผิดหวังในชีวิต เช่น ความสัมพันธ์: "I've been feeling blue ever since we broke up." (ฉันรู้สึกเศร้ามาตั้งแต่เราเลิกกัน) ความเหงา: "I feel blue when it rains." (ฉันรู้สึกเศร้าทุกครั้งที่ฝนตก) ความผิดหวัง: "I'm feeling blue because I didn't get the job." (ฉันรู้สึกเศร้าเพราะไม่ได้งาน) ตัวอย่างประโยค: "I've been feeling blue lately, I don't know why." (ช่วงนี้ฉันรู้สึกเศร้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร) "I'm feeling blue because my favorite team lost the game." (ฉันรู้สึกเศร้าเพราะทีมโปรดของฉันแพ้) สำนวน "I'm feeling blue" เป็นสำนวนที่ใช้บ่อยและเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการสื่อถึงความรู้สึกเศร้าหมอง 5. I feel like a cloud is hanging over me. – รู้สึกเหมือนมีเมฆหมอกปกคลุมใจ ความหมาย: สำนวนนี้สื่อถึงความรู้สึกเศร้าหมอง หดหู่ หรือวิตกกังวลที่เหมือนกับมีเมฆดำมาบดบังความรู้สึกดีๆ ของเรา ทำให้เรารู้สึกหนักอึ้งและไม่สดใส รู้สึกมีอะไรมาบดบังความสุข ที่มา: น่าจะมาจากการเปรียบเทียบอารมณ์ที่หม่นหมองกับท้องฟ้าที่มืดครึ้ม เมื่อมีเมฆดำมาบดบังแสงแดด ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูมืดมนและอึมครึม สำนวนนี้มักถูกใช้ในสถานการณ์ที่บุคคลนั้นรู้สึกเศร้าเสียใจ หรือผิดหวังในชีวิต เช่น ความสัมพันธ์: "I feel like a cloud is hanging over me since we broke up." (ฉันรู้สึกเหมือนมีเมฆดำมาบดบังตั้งแต่เราเลิกกัน) ปัญหาส่วนตัว: "I've been feeling down lately. It's like a cloud is hanging over me." (ช่วงนี้ฉันรู้สึกหดหู่ เหมือนมีเมฆดำมาบดบัง) ความวิตกกังวล: "I have a big exam tomorrow and I feel like a cloud is hanging over me." (ฉันมีสอบใหญ่พรุ่งนี้และฉันรู้สึกกังวลมาก) การเปรียบเทียบกับสำนวนอื่นๆ: I'm feeling blue: มีความหมายใกล้เคียงกัน แต่เน้นความรู้สึกเศร้าหมอง I'm down in the dumps: เน้นความรู้สึกหดหู่และสิ้นหวัง ตัวอย่างประโยค: "I've been feeling like a cloud is hanging over me ever since I lost my job." (ฉันรู้สึกเหมือนมีเมฆดำมาบดบังตั้งแต่ตกงาน) "I know I shouldn't let this get to me, but I can't help but feel like a cloud is hanging over me." (ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้มากระทบจิตใจ แต่ฉันก็อดรู้สึกแบบนั้นไม่ได้) 6. My heart feels heavy today. – วันนี้ฉันรู้สึกหนักใจจัง ความหมาย: สำนวนนี้สื่อถึงความรู้สึกเศร้าใจ หรืออึดอัดใจอย่างรุนแรง มันเหมือนกับมีก้อนหินก้อนใหญ่ทับอยู่บนอก ทำให้รู้สึกอึดอัด หายใจไม่สะดวก และขยับตัวลำบาก รู้สึกหนักใจ เศร้าอย่างลึกซึ้ง ที่มา: เชื่อว่าน่าจะมาจากความรู้สึกภายในของมนุษย์เมื่อเผชิญกับความเศร้า ความผิดหวัง หรือความเจ็บปวด การเปรียบเทียบความรู้สึกนี้กับความรู้สึกหนักอึ้งที่เกิดจากการแบกของหนัก เป็นการสื่อความหมายที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย ตัวอย่างสถานการณ์ ความสูญเสีย: "My heart feels heavy today. I miss my grandma so much." (ฉันรู้สึกหนักอึ้งในวันนี้ ฉันคิดถึงคุณยายมาก) ความผิดหวัง: "I'm down in the dumps. My heart feels heavy today after failing the exam." (ฉันรู้สึกหดหู่มากหลังจากสอบตก) ความสัมพันธ์: "My heart feels heavy today after our argument." (ฉันรู้สึกหนักอึ้งหลังจากทะเลาะกับเขา) ตัวอย่างประโยค: "I've been feeling heavy-hearted ever since I lost my job." (ฉันรู้สึกหนักใจมาตั้งแต่ตกงาน) "My heart feels heavy today, I think I need some time alone." (ฉันรู้สึกหนักอึ้งในวันนี้ ฉันคิดว่าฉันต้องการเวลาอยู่คนเดียว) สำนวน "My heart feels heavy today" เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างตรงไปตรงมาและเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการสื่อถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งภายในใจ 7. I'm trying to keep it together, but it's hard. – ฉันพยายามทำตัวปกติ แต่ก็ยากเหลือเกิน ความหมาย: สำนวนนี้สื่อถึงความพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองในสถานการณ์ที่ยากลำบาก หรือเมื่อเผชิญกับความเจ็บปวด แต่ก็ยังคงรู้สึกอ่อนแอและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ ที่มา: เชื่อว่าน่าจะมาจากการเปรียบเทียบกับการรักษาสิ่งของที่แตกหักหรือเสียหายไว้ให้คงรูปอยู่ เช่น การพยายามเก็บเศษแก้วที่แตกกระจายให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ยากและต้องใช้ความพยายามอย่างมาก สำนวนนี้มักถูกใช้ในสถานการณ์ที่บุคคลนั้นกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดทางอารมณ์อย่างรุนแรง เช่น ความสูญเสีย: "I'm trying to keep it together after losing my pet, but it's really hard." (ฉันพยายามจะเข้มแข็งหลังจากที่สัตว์เลี้ยงตายไป แต่ทำได้ยากมาก) ความผิดหวัง: "I'm trying to keep it together after failing the exam, but I feel like a failure." (ฉันพยายามจะเข้มแข็งหลังจากสอบตก แต่รู้สึกเหมือนเป็นคนล้มเหลว) ความสัมพันธ์: "I'm trying to keep it together after our breakup, but it's hard to let go." (ฉันพยายามจะเข้มแข็งหลังจากเลิกกับเขา แต่ปล่อยวางได้ยากมาก) การเปรียบเทียบกับสำนวนอื่นๆ: I'm falling apart: หมายถึง การรู้สึกว่าตัวเองกำลังแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ I'm losing it: หมายถึง การสูญเสียการควบคุมตนเอง ตัวอย่างประโยค: "I know I should be strong, but I'm trying to keep it together and it's really tough." (ฉันรู้ว่าฉันควรจะเข้มแข็ง แต่มันยากเย็นเหลือเกิน) "I'm trying to keep it together, but I can't help but feel sad." (ฉันพยายามจะเข้มแข็ง แต่ฉันก็อดรู้สึกเศร้าไม่ได้) สำนวน "I'm trying to keep it together, but it's hard" เป็นการแสดงออกถึงความพยายามที่จะควบคุมอารมณ์และความรู้สึกในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ก็ยังคงรู้สึกอ่อนแอและต้องการการสนับสนุน การใช้สำนวนนี้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญในการเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตัวเอง 8. Nothing seems to be going right today. – วันนี้ทุกอย่างดูจะไม่เป็นไปตามแผนเลย ความหมาย: สำนวนนี้สื่อถึงความรู้สึกหงุดหงิด เหนื่อยล้า และผิดหวังในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ๆ มันเหมือนกับว่าทุกอย่างที่เราทำหรือเผชิญหน้า ล้วนแต่ไม่เป็นไปตามที่เราหวังไว้ รู้สึกว่าทุกอย่างผิดพลาดไปหมด ที่มา: เมื่อเราเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคซ้ำแล้วซ้ำเล่าในวันเดียวกัน เราจะรู้สึกเหมือนว่าวันนั้นเป็นวันที่โชคร้าย และทุกอย่างดูจะผิดพลาดไปหมด สำนวนนี้มักถูกใช้ในสถานการณ์ที่บุคคลนั้นรู้สึกเบื่อหน่าย หมดกำลังใจ หรือรู้สึกผิดหวังในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น เช่น แผนการที่ล้มเหลว: "I was supposed to finish this project today, but I keep making mistakes. Nothing seems to be going right." (ฉันตั้งใจจะเสร็จงานโครงการนี้วันนี้ แต่ฉันทำผิดพลาดไปหมดเลย วันนี้มันแย่จริงๆ) อารมณ์ที่แปรปรวน: "I woke up on the wrong side of the bed and nothing seems to be going right today." (ฉันตื่นมาแล้วรู้สึกแย่ตั้งแต่เช้าเลย วันนี้มันเป็นวันที่แย่จริงๆ) ความแตกต่างจากสำนวนอื่นๆ: "I'm feeling blue": เน้นความรู้สึกเศร้าหมอง "I'm down in the dumps": เน้นความรู้สึกหดหู่และสิ้นหวัง "Nothing seems to be going right today": เน้นความรู้สึกหงุดหงิดและผิดหวังกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นๆ ตัวอย่างประโยค: "Nothing seems to be going right today, and honestly, I’m too tired to keep pretending that I’m okay." (วันนี้ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่หวังเลย และพูดตรงๆ ฉันเหนื่อยเกินกว่าจะเสแสร้งว่าฉันโอเคแล้ว) "Nothing seems to be going right today… or maybe it’s been this way for a while, and I’m just starting to feel it." (วันนี้ไม่มีอะไรเป็นไปในทางที่ดีเลย… หรือบางทีอาจเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว แค่ฉันเพิ่งเริ่มรู้สึกถึงมัน) สำนวน "Nothing seems to be going right today" เป็นสำนวนที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน เพื่อสื่อถึงความรู้สึกเบื่อหน่าย หมดกำลังใจ หรือผิดหวังในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นๆ 9. I feel like the world is against me. – รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบไม่เป็นใจเลย ความหมาย: สำนวนนี้สื่อถึงความรู้สึกที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตกำลังเป็นไปในทางที่ไม่ดี และเหมือนกับว่าทั้งโลกกำลังเข้าข้างกันเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ลง เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกท้อแท้ หมดหวัง และรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยว ที่มา: มาจากความรู้สึกส่วนตัวของมนุษย์เมื่อเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เมื่อเราประสบกับความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจเรา เรามักจะรู้สึกว่าทั้งโลกกำลังต่อต้านเรา สำนวนนี้มักถูกใช้ในสถานการณ์ที่บุคคลนั้นรู้สึกว่าตัวเองกำลังเผชิญกับความยากลำบากมากมาย และรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของเขา เช่น ปัญหาส่วนตัว: "I feel like the world is against me after my breakup." (ฉันรู้สึกเหมือนทั้งโลกกำลังต่อต้านฉันหลังจากเลิกกับแฟน) ความล้มเหลว: "I failed my exam and now I feel like the world is against me." (ฉันสอบตกและตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนทั้งโลกกำลังต่อต้านฉัน) ความโดดเดี่ยว: "I've been feeling so alone lately. It's like the whole world is against me." (ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวมากในช่วงนี้ รู้สึกเหมือนทั้งโลกกำลังต่อต้านฉัน) การเปรียบเทียบกับสำนวนอื่นๆ: I'm down in the dumps: มีความหมายใกล้เคียงกัน แต่เน้นที่ความรู้สึกหดหู่และสิ้นหวังมากกว่า I'm feeling blue: เน้นความรู้สึกเศร้าหมอง ตัวอย่างประโยค: "I know things will get better, but right now I feel like the world is against me." (ฉันรู้ว่าทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนทั้งโลกกำลังต่อต้านฉัน) "It feels like the whole world is conspiring against me today." (รู้สึกเหมือนทั้งโลกกำลังสมคบคิดกันทำร้ายฉันในวันนี้) สำนวน "I feel like the world is against me" เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกที่รุนแรงและบ่งบอกถึงความรู้สึกโดดเดี่ยวและท้อแท้ การใช้สำนวนนี้แสดงให้เห็นว่าบุคคลนั้นกำลังเผชิญกับความยากลำบากทางอารมณ์อย่างมาก 10. I'm down in the dumps. – ฉันรู้สึกหดหู่มาก ความหมาย: สำนวน "I'm down in the dumps" ในภาษาอังกฤษ หมายถึง "ฉันรู้สึกหดหู่และสิ้นหวังมาก" หรือ "ฉันรู้สึกเศร้ามาก" เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกหดหู่ใจอย่างสุดซึ้ง อาจเกิดจากความผิดหวัง ความเสียใจ หรือปัญหาส่วนตัว ที่มา: มีทฤษฎีหนึ่งที่น่าสนใจคือ อาจจะมาจากภาพของคนที่กำลังทิ้งขยะลงในหลุม (dump) ซึ่งสื่อถึงความรู้สึกหดหู่และสิ้นหวังที่เหมือนกับการถูกทิ้งลงไปในหลุมลึก สำนวนนี้มักถูกใช้ในสถานการณ์ที่บุคคลนั้นรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างมาก เช่น ความสัมพันธ์: "I've been down in the dumps since we broke up." (ฉันรู้สึกหดหู่มาตั้งแต่เราเลิกกัน) การทำงาน: "I've been feeling down in the dumps after losing my job." (ฉันรู้สึกหดหู่มากหลังจากที่ตกงาน) ปัญหาส่วนตัว: "She's been down in the dumps ever since her grandmother passed away." (เธอรู้สึกเศร้ามากตั้งแต่คุณยายเสียชีวิต) ความแตกต่างจาก "I'm feeling under the weather": "I'm feeling under the weather" มักจะหมายถึงความรู้สึกไม่สบายตัว หรือป่วยไข้ ซึ่งอาจจะรวมถึงความรู้สึกเศร้าหมองได้ด้วย "I'm down in the dumps" เน้นไปที่ความรู้สึกเศร้าหดหู่ใจมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกสิ้นหวังและท้อแท้ ตัวอย่างประโยค: "I know you've been down in the dumps lately, but I hope you'll feel better soon." (ฉันรู้ว่าช่วงนี้คุณรู้สึกหดหู่ แต่ฉันหวังว่าคุณจะดีขึ้นในเร็วๆ นี้) "I've been feeling down in the dumps ever since I lost my job." (ฉันรู้สึกหดหู่มากตั้งแต่ตกงาน) สำนวน "I'm down in the dumps" เป็นสำนวนที่ใช้บ่อยเมื่อเราต้องการสื่อถึงความรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง เป็นการแสดงออกถึงอารมณ์ที่ลึกซึ้งกว่าแค่รู้สึกไม่สบายตัว เครดิตรูปภาพ: ปก: ภาพที่ 1 / Website: Canva ภาพที่ 1 / Scott Webb from Pexels Website: Canva เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !