"Neta" เปิดรับนักทุนกู้กิจการ หลังเผชิญปัญหาหนี้สิน

เว็บไซต์ Techinasia รายงานอ้างอิง Yicaiglobal ว่า Hozon Auto ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนและเจ้าของแบรนด์ Neta Auto ได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการอย่างเป็นทางการ หลังเผชิญวิกฤตการเงินอย่างหนักในช่วงปีที่ผ่านมา โดยศาลประชาชนระดับกลางนครหางโจวได้มีคำสั่งรับคำร้องเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พร้อมแต่งตั้งผู้ดูแลกระบวนการฟื้นฟูเพื่อบริหารทรัพย์สินและหาผู้ลงทุนรายใหม่เข้าสู่กิจการ

การดำเนินการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูธุรกิจในระยะเวลาอันสั้น เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินของบริษัท และเตรียมการกลับมาผลิตอีกครั้งในอนาคต ทั้งนี้ แม้ Hozon Auto จะหยุดสายการผลิตมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 แต่ยังคงมีพนักงานมากกว่า 400 คนในระบบ รวมถึงผู้บริหารและวิศวกรสายเทคนิค ขณะที่โรงงานในจีน ไทย และอินโดนีเซียยังคงอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน หากสามารถระดมเงินทุนได้ทันเวลา

ทรัพย์สินหลักของบริษัทที่อยู่ในขั้นตอนการฟื้นฟูประกอบด้วยที่ดินสำหรับอุตสาหกรรม เครื่องจักรผลิต รถยนต์ต้นแบบ สิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้า "Neta Auto" รวมถึงสายการประกอบรถยนต์ไฟฟ้าหลายแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ฝ่ายจัดการฟื้นฟูอยู่ระหว่างการพิจารณานักลงทุนที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ ได้แก่ ความมั่นคงทางการเงิน ไม่มีประวัติทางกฎหมาย และสามารถเสนอแผนการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรม โดยจะให้ความสำคัญกับผู้ที่สามารถจัดสรรเงินทุนได้ทันที พร้อมนำเสนอแผนฟื้นฟูกิจการ ครอบคลุมตั้งแต่การกลับมาเปิดสายการผลิต การบริหารพนักงาน และยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ

ในช่วงต้นปี 2025 มีรายงานว่า Toyota อาจเข้าซื้อกิจการ Neta Auto เพื่อนำเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ามาเสริมธุรกิจ แต่ในเวลาต่อมาทั้งสองบริษัทได้ออกมาปฏิเสธกระแสดังกล่าว โดยยืนยันว่าไม่มีแผนเข้าซื้อกิจการแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน Hozon Auto ยังต้องเผชิญแรงกดดันด้านการเงินเพิ่มเติม เมื่อมีรายงานว่าศาลจีนได้มีคำสั่ง "อายัดทรัพย์สิน" มูลค่า 2,000 ล้านหยวน (ประมาณ 275 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ของบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งในเครือ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงต่อเนื่อง

ทั้งนี้ Neta Auto เคยได้รับความสนใจอย่างมากในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าราคากลาง โดยเฉพาะในตลาดจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงแผนการผลิตในประเทศไทยที่เริ่มดำเนินการเมื่อปลายปี 2023 ก่อนที่จะประสบปัญหาทางการเงินในภายหลัง

อนาคตของ Hozon Auto และ Neta Auto จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการดึงนักลงทุนรายใหม่เข้ามาให้ได้โดยเร็ว หากการฟื้นฟูไม่ประสบความสำเร็จ อาจนำไปสู่การชำระบัญชีหรือการขายกิจการบางส่วนให้กับผู้เล่นรายอื่นในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า