หุ้น TIDLOR ร่วง 6.54% โบรกฯ หั่นกำไรปี 66-67 ลง-ลดคำแนะนำเป็นถือ

ราคาหุ้น TIDLOR เคลื่อนไหวอยู่ที่ 25 บาท ลบ 1.75 บาท หรือ 6.54% ระหว่างวันราคาลงมาต่ำสุดที่ 24.90 บาท โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 780.71 ล้านบาท 

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2566-2567 ของ TIDLOR ลง 7% เพื่อสะท้อนต้นทุนสินเชื่อที่สูงขึ้น แม้คาดว่ากำไรจะเติบโต 12-14% ในปี 2566-2568 แต่กำไรต่อหุ้นน่าจะเติบโตเพียง 2-7% จาก 6% ในปี 2565 เนื่องจากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากหุ้นปันผล เนื่องจาก TIDLOR ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.292 บาท และหุ้นปันผล 8 ต่อ 1 ขณะที่ผลดำเนินงานไตรมาส 1/66 คาดว่าสินเชื่อจะเติบโตช้าและต้นทุนสินเชื่อยังคงสูง โดยผลการดำเนินงานน่าจะดีขึ้นในครึ่งปีหลังของปี 2566 จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการเลือกตั้ง 

ฝ่ายวิจัยเมย์แบงก์ ระบุว่าจากการระชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ ผู้บริหารประกาศเป้าหมายสินเชื่อในปี 2566 เติบโตที่ 10-20% และธุรกิจประกันวินาศภัยเติบโต 20-25% ขณะเดียวกันได้ตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่ 100-200 แห่ง จากสิ้นปี 2565มีจำนวน 342 แห่ง เนื่องจากบริษัทจะมุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพสาขา โดยสาขาใหม่ส่วนใหญ่จะเปิดในครึ่งหลังปีนี้ 

"เราชอบ TIDLOR ที่มีแนวโน้มกำไรดีกว่าบริษัทอื่นๆ เนื่องจาก NPL coverage สูงกว่ากลุ่ม อย่างไรก็ตาม จำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากหุ้นปันผลและต้นทุนสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นจะทำให้กำไรต่อหุ้นเติบโต 2-7% ในปี 2566-2567 ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2565 ที่เติบโต 6% ส่วน ROE มีแนวโน้มอยู่ที่ 15% ในปี 2566-2568 จาก 19-23% ในปี 2563-2564 จึงได้ปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ จากเดิมแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายลดลงเป็น 28 บาท"ฝ่ายวิจัยเมย์แบงก์ ระบุในบทวิเคราะห์