เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านก็จะพบเห็นงานบวชกันอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตจริง ในข่าว ใน YouTube หรือแม้แต่ในละครก็ตาม วันนี้ที่หยิบยกเกี่ยวกับงานแห่นาคมานั้น เพราะว่าการแห่นาค การบวชพระ เป็นวัฒนธรรมของเราคนไทยชาวพุทธมาแต่ช้านาน และการบวชนาคก็ยังเป็นที่คึกคักและครื้นเครง รวมน้ำใจของคนในชุมชนนั้น ๆ อีกด้วยภาพโดย Kampong (ผู้เขียน)ผู้เขียนขอเล่าย้อนไปถึงการบวชพระหรือการอุปสมบทในสมัยก่อนเลยแล้วกัน ก่อนที่จะบวชพระนั้น ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านก็จะพากันมาช่วยสานม้าไม้ไผ่ ( ปัจจุบันหาการบวชนาคแบบนี้ยากแล้ว อาจจะเนื่องด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น ณ ปัจจุบันขาดผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับการสานม้า ) ไว้ให้พ่อนาคได้ขี่แห่ขบวนจากบ้านไปวัดและแห่รอบโบสถ์ (ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมแต่ละท้องที่) นี่ถือเป็นการร่วมแรงร่วมใจของคนในหมู่บ้านตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มงานเลย เพราะการสานม้าแต่ละตัวบางทีต้องใช้ระยะเวลายาวนานถึง 1-2 เดือนกันเลยภาพโดย Kampong (ผู้เขียน)ต่อจากนั้นก็จะเป็นการร่วมแรงร่วมใจของคนในหมู่บ้านนั้น ๆ คือการที่ไปช่วยงานบ้านเจ้าภาพ โดยการไปช่วยเตรียมข้าวของอย่างเช่น ไปช่วยโขลกน้ำพริก ไปช่วยล้างถ้วยล้างจานล้างหม้อ ชาวบ้านเรียกว่าไปช่วยทำของ จะไปช่วยกันก่อนถึงวันงานจริงประมาณ 2-3 วันเพื่อเตรียมข้าวของต่าง ๆ ให้เรียบร้อยงานบวชถือเป็นงานบุญที่คึกครื้นมาก ๆ เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่มักจะมาร่วมแสดงความยินดีกับพ่อแม่ของนาคนั่นเองภาพโดย Kampong (ผู้เขียน)นอกจากมาช่วยทำงานแล้วในช่วงวันที่นาคปลงผม ฉลองเป็นนาค ก็จะมีการทำขวัญนาค ซึ่งจะมีผู้คนในหมู่บ้านมานั่งฟังกันอย่างมากมาย จากนั้นตกเย็นก็จะมีฉลองนาค แล้วแต่ว่าบ้านไหนทุนหนาทุนน้อย ถ้าทุนน้อยอาจจะไม่มีงานกินเลี้ยงใหญ่โต แต่ถ้าบ้านไหนฐานะดีหน่อยอาจจะมีการฉลองนาคด้วยการเลี้ยงโต๊ะจีน มีหนังกลางแปลง มีลิเก หรือมีดนตรีภาพโดย Kampong (ผู้เขียน)วันถัดมาก็จะเป็นการแห่นาคเข้าโบสถ์นั่นเอง ซึ่งสมัยนี้อาจจะไม่ได้มีการขี่ม้าที่สานจากไม้ไผ่แล้ว เปลี่ยนเป็นการนั่งรถแทน แต่สีสันที่เหนือสิ่งอื่นใดเลยคือ รำวงหน้าขบวนแห่นี่เอง ผู้เขียนจำได้ว่าสมัยก่อนเป็นแตรวง ที่ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องเป่า จนกว่าจะแห่นาคจากบ้านถึงวัดได้ และจนกว่าจะวนครบ 3 รอบ นักดนตรีแทบจะหมดลมเป่าเครื่องดนตรีกันทีเดียว แต่สมัยนี้ดีหน่อยที่มีเครื่องทุ่นแรงอย่างเช่น กลอง คีย์บอร์ด และลำโพงต่าง ๆ แถมความสนุกก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย ดูได้จากขบวนสาว ๆ รำวงที่อยู่หน้าขบวนแห่นั่นเอง ทั้งสนุก ครื้นเครง แถมคึกคัก เป็นทั้งสีสันและความสุขให้แก่เจ้าของงานและคนในละแวกนั้น ถ้าขบวนแห่ผ่านไปที่ใดมักจะมีคน หรือชาวบ้านเดินออกมาดูด้วยความสนุกสนานตามผู้คนในขบวนแห่นาคนั้นไปด้วยภาพโดย Kampong (ผู้เขียน)เมื่อได้ยินเสียงเครื่องไฟงานบุญครั้งใดก็มักจะอิ่มเอมใจกับงานบุญนั้น ๆ เสมอ ถึงแม้ว่าอาจจะมีเสียงดังรบกวนอยู่บ้าง แต่เสียงดังนั้นก็เป็นเสียงที่เป็นความสุขของเจ้าของงานและผู้ร่วมงานนั้นเอง ถือเป็นงานดีเราควรร่วมดีใจและยินดีไปกับเขาด้วยเช่นกัน อีกหนึ่งวัฒนธรรมอันดีงามของไทยที่ควรหวงแหนไว้ให้คงอยู่เครดิตภาพรูปหน้าปก : ภาพโดย truthseeker08 จาก Pixabay