ทำไมคุยกับคนนี้ แล้วรู้สึกดีจัง หลายคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ น่าจะมีความรู้สึกคล้าย ๆ กัน คือเราอยากที่จะเป็นคนพูดเก่ง พูดกับใคร ๆ ก็ทำให้เขารู้สึกดีด้วย ผู้เขียนเป็นคนที่พูดไม่เก่ง ไม่ค่อยชอบสนทนากับคนแปลกหน้า ชวนคุยก็ไม่เก่ง แต่ด้วยความที่เราอยากจะพัฒนาทักษะการพูดของเราให้ดีขึ้นบ้าง ทำให้เป็นเหตุผลที่เราตัดสินใจซื้อหนังสือ ทำไมคุยกับคนนี้ แล้วรู้สึกดีจัง ด้วยความที่ชื่อปกสดุดตา กับคำเกริ่นนำปกที่ว่า พูดไม่เก่งก็สามารถจับใจคนฟังได้ จึงทำให้เราเกิดความสนใจและซื้อมาทดลองอ่าน ซึ่งเป็นหนังสือที่มีเทคนิคที่น่าสนใจเยอะเลย เทคนิคต่าง ๆ มาจากผู้เขียนซึ่งเป็นนักจัดรายการวิทยุชื่อดังของญี่ปุ่น คุณโยะชิดะ ฮิซะโนะริ วันนี้เราจึงสรุป 7 เทคนิคที่ได้จากหนังสือเล่มนี้มาฝากทุกคน พร้อมแล้วไปดูกันเลยค่า01 | เริ่มต้นด้วยการสำรวจตัวเอง เราต้องเริ่มที่สังเกตตัวเราเองว่าเวลาพูดคุยสนทนาแล้วรู้สึกอึดอัดไม่ราบรื่นหรือเปล่า ถ้าเรารู้สึกอย่างนั้น แปลว่าเรามีสิ่งบกพร่องมีจุดที่ต้องแก้ไข เพราะการสนทนาต้องเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกดี รู้สึกสนุกเมื่อได้พูดคุย ในข้อนี้จึงให้ทุกคนสำรวจตัวเองก่อนว่ารู้สึกอย่างไร รู้สึกว่าตัวเองพูดไม่เก่ง แล้วหาจุดที่ต้องแก้ไข ไม่ควรนอยด์กับตัวเองถ้ายังพูดไม่เก่ง ยังไม่ต้องสังเกตคู่สนทนาว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร เพราะเริ่มต้นต้องปรับแก้ที่ตัวเราก่อน การสื่อสารเป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝน ยิ่งพยายามก็จะยิ่งพัฒนาไปเอง เทคนิคในข้อนี้ถือว่าถ้าเราทำตามน่าจะเกิดผลดี เพราะธรรมชาติเราชอบกังวลไปสังเกตความรู้สึกคนอื่นมากเกินไป จนทำให้ตัวเองอึดอัด รู้สึกไม่ดีไปอีก เป็นเรื่องที่ต้องปรับแก้จริงค่ะ 02 | ถ้าพูดไม่เก่งก็ต้องหัดใช้กลยุทธิ์ ในข้อนี้นั้นผู้เขียนแนะนำให้มองการพูดคุยเป็น เกม ค่ะ เกมการพูดคุยนั่นเอง เปรียบว่าเป็นเกมที่มีกติกา ยิ่งเล่นไปเรื่อย ๆ เราจะยิ่งเก่ง ยิ่งทำให้รู้วิธีและมีกลยุทธิ์มากขึ้น กลยุทธิ์ที่เขาแนะนำนั่นก็คือ คำตอบสำเร็จรูป ที่มีรูปแบบคำแบบที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นว่า ถ้ามีคนพูดแบบนี้ต้องตอบแบบนี้ เป็นต้น เอาหล่ะข้อนี้เราก็แอบงง แต่อ่านแล้วเราเข้าใจว่าให้จำรูปแบบสนทนาทั่ว ๆ ไป ในชีวิตประจำวัน อาจจะฟังรายการทอล์กโชว์ หรือรายการใน Spotify แล้วจำนำมาปรับใช้ ก็น่าจะเป็นการฝึกการพูดคุยที่ได้ผลดีค่ะ หากเราฝึกจนเก่งมากพอเราก็จะนำ คำตอบสำเร็จรูปที่เขาว่ามาปรับประยุกต์ใช้ได้อย่างคล่องแคล่วค่ะ 03 | รู้จักวิเคราะห์สถานการณ์ขณะพูดคุย การวิเคราะห์สถานการณ์การพูดคุย อาจจะฟังว่าเป็นเรื่องยาก ๆ แต่ที่จริงแล้วมันก็เกิดมาจากการสั่งสมประสบการณ์ หรือการที่เราเติบโตมาในสังคมแบบไหน เราย่อมมีสกิลนี้ติดตัวกันมา เพียงแค่ว่าจะวิเคราะห์หรือคาดเดาได้เก่งหรือไม่ ในช่วงแรก ๆ คงมีผิดพลาดกันบ้าง แต่เรื่องแบบนี้ก็ฝึกฝนกันได้ ยิ่งนานไปเราก็จะยิ่งเดาสถานการณ์ หรือความรู้สึกของคู่สนทนาได้ว่า เราควรพูดตอบอย่างไร ผู้สนทนาจึงจะรู้สึกดีหรือไม่รู้สึกลำบากใจ เช่นว่า เมื่อเวลามีคนมาชมเรา เราอาจจะตอบแบบถ่อมตัวว่า ก็ไม่ขนาดนั้นค่ะ หรืออาจจะตอบติดตลกว่า ก็มันแน่อยู่แล้ว อะไรแบบนี้ก็น่าจะนำไปปรับใช้ในการพูดคุยได้นะคะทุกคน เดาสิถ้าเราถูกชมเราจะพูดว่าอะไร ฮ่า ๆ ในเทคนิคนี้ ยิ่งเราวิเคราะห์สถานการณ์เก่งก็จะทำให้เราคุมทิศทางการสนทนาให้ไปในทางที่ต้องการได้นั่นเอง04 | อย่าลืมว่าเป้าหมายของการพูดคุยไม่ใช่แสดงความโดดเด่น การพูดคุยไม่ควรใช้มันเป็นโอกาสในการแสดงความโดดเด่น แม้ว่าเราจะมีประเด็นการพูดอยู่ แต่หากสถานการณมันไม่เอื้ออำนวยก็ไม่ควรที่จะหยิบมาพูดให้สถานการณ์แย่ลง ควรพูดสิ่งที่ทำให้การสนทนาราบรื่นต่อไป ในข้อนี้เราคิดว่าเป็นประเด็นสำคัญเลยค่ะ เมื่อเราหรือใคร ทำตัวโดดเด่นเกินไป หรือเอาแต่จะพูดสิ่งที่ตัวเองต้องการโดยไม่สนผู้ที่จะสนทนาด้วยก็คงจะไม่ใช่การสนทนาที่ดี หรือทำให้คนที่เราคุยด้วยรู้สึกดีอย่างแน่นอนค่ะ 05 | เชื่อมั่นว่าไม่ได้ถูกเกลียด บางคนก็จะตีตนไปก่อนไข้ว่า พูดแบบนี้แล้วเขาจะเกลียดเราหรือเปล่านะ คนที่พูดไม่เก่งมักกังวลคิดลบกับตัวเองจนเกินไป ความเป็นจริงแล้วไม่มีใครที่จะมาคุยกับคนที่เกลียดหรอกค่ะ ซึ่งเราก็กลัวไปเอง ให้เข้าใจก่อนว่ามันเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ความรู้สึกที่คนอื่นมีต่อเราน่ะ เราต้องเชื่อมั่นในตนเองว่าถ้าเราคุยด้วยความปรารถนาดีและความรู้สึกดี ๆ เขาจะไม่เกลียดเราแน่นอน ในข้อนี้เชื่อว่าเป็นกันหลายคน เราก็เป็นคนพูดไม่เก่งแล้วก็ขี้ระแวงมาก่อน ถ้าเป็นเหมือนกันข้อนี้น่าจะช่วยใครหลาย ๆ คนให้พัฒนาทักษะการพูดคุยได้นะคะ06 | ตั้งคำถามโดยคำนึงถึงคู่สนทนา เทคนิคในข้อนี้เหมาะกับคนที่พูดไม่ค่อยเก่งในบทสนทนนาเป็นอย่างมาก เมื่อพูดไม่เก่งงั้นเราตั้งคำถามเลยแล้วกัน เช่น บ้านเกิดอยู่ที่ไหนอ่ะ หากผู้ตอบ ตอบมาว่า ชลบุรี เราก็ถามต่ออีกว่า เอ๊ะ ชลบุรีแถวไหนเหรอ พัทยาหรือเปล่าคะ เป็นต้นว่าประมาณนี้ เมื่อจบเรื่องก็ถามอีกเรื่องต่อ อาจจะเป็นเรื่องอาหาร ความชอบก็ได้ ถ้าเราแสดงความสนใจและให้ความสำคัญกับคู่สนทนาอย่างจริงใจ ไม่มีใครจะรู้สึกไม่ดีหรอกค่ะ นี่ก็เป็นเทคนิคที่ดี ถ้าพูดไม่เก่งก็เป็นผู้ถามแล้วก็ฟัง การสนทนาก็จะลื่นไหล คู่สนทนารู้สึกดีด้วยค่า7 | ลดการพูด คำว่า "ไม่" คำพูดว่า ไม่ ไม่ควรพูดบ่อย ๆ เพราะเป็นคำในเชิงลบ เช่น ไม่จริง ไม่ชอบ ไม่ใช่ ยิ่งคนฟังได้ยินก็คงรู้สึกแย่ ในเทคนิคข้อนี้อธิบายว่า ให้เราลดการใช้คำว่า ไม่ ลงเมื่อเจอสถานการณ์การพูดคยที่เป็นเท็จ ลองเปลี่ยนมาใช้ คำว่า แต่เราได้ยินมาว่า... เป็นต้น เพราะคำว่าไม่นี่เป็นคำเชิงลบที่ทำให้คนรู้สึกแบ่งแยกกันนั่นเอง ข้อนี้เราเห็นด้วยมา อย่างเราถ้ามีใครขัดคอเราว่า ไม่ ไม่ แบบนี้เป็นใคร ๆ ก็ต้องรู้สึกแย่ค่ะ แค่ปรับเปลี่ยนใช้คำอื่นก็จะทำให้การสนทนาไม่น่าอึดอัดแล้วล่ะค่ะหากใครสนใจหนังสือ ทำไมคุยกับคนนี้ แล้วรู้สึกดีจัง และอยากศึกษาแบบลงลึกยังมีเทคนิคอีกเพียบในเล่มให้ไปศึกษากันนะคะ สามารถซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดทำให้ร้านหนังสือต้องปิดตามนโยบายของรัฐ เพื่อน ๆ สามารถซื้อหนังสือเล่มนี้แบบออนไลน์ได้ที่ SE-ED ได้เลย ราคาเล่มละ 170 บาท อาจถูกกว่านี้ถ้าซื้อในช่วงโปรโมชั่นค่ะ เป็นหนังสือที่คุ้มค่าในการซื้อมาอ่าน แม้ช่วงนี้หลายคนอาจจะอยู่กันแต่บ้าน แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นเทคนิคที่ได้จากการอ่านหนังสือต้องทำให้เราเป็นคนที่พูดคุยได้อย่างมั่นใจขึ้นแน่นอนค่ะ เครดิตภาพ (1,2 โดย Beamy K ) , (3) และ ภาพปก (4)