(เครดิตภาพหน้าปก : https://pixabay.com/images/id-256888/)ขายภาพ (เครดิตภาพ : https://pixabay.com/images/id-2452805/) ภาพต่าง ๆ ที่มีอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ตสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็นการอัพโหลดขึ้นส่วนตัวของแต่ละคน หรือ เป็นรูปภาพฟรีต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเว็ปไซด์ หรือ แม้แต่ภาพที่มีอยู่ในเว็ปไซด์ชื่อดังอย่าง Google เวลาเรา Search หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็จะเจอหัวข้อที่เป็นรูปภาพขึ้นมาด้วย เคยสงสัยมั้ย ว่าใครเป็นคนอัพโหลดรูปภาพนั้นขึ้นมา หรือ Google หารูปต่าง ๆ มาจากไหน สำหรับสายอาชีพที่เกี่ยวข้องคงจะทราบกันดีว่า ภาพต่าง ๆ ที่จะเอาไปโฆษณาหรือออกสื่อต่าง ๆ มักจะเป็นภาพที่มีลิขสิทธิ์ติดอยู่ ถ้าเราต้องการภาพนั้น ๆ ไปใช้ เราต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อมัน และถ้าคิดกลับกัน เราจ่ายเงินเพื่อซื้อภาพนั้น ทำให้เจ้าของภาพ หรือ เจ้าของลิขสิทธิ์ภาพนั้น ได้เงินจากเราไป แต่ถ้าเราเป็นคนทำภาพเหล่านั้นไปขายละ ก็คงจะทำรายได้ ได้เหมือนกันสิ ดังนั้น เมื่อเรากำลังคิดจะหางานใหม่ ๆ ทำ หรือกำลังหารายได้เสริม การขายภาพ ก็อาจจะเป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่ทำรายได้เข้ากระเป๋าเราได้เหมือนกัน หากเราจะลงมือทำนั้น ควรจะรู้ถึงขั้นตอนง่าย ๆ ในการเริ่มต้นขายภาพกันก่อนสมัครขายภาพ(เครดิตภาพ : https://pixabay.com/images/id-4519979/) เริ่นต้นขั้นแรก สิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือ การสมัครสมาชิกเว็ปไซด์แหล่งขายภาพต่าง ๆ ซึ่งเว็ปไซด์ที่ดังที่สุดในขณะนี้คงจะหนีไม้พ้น Shutter Stock ซึ่งเป็นเว็ปไซด์ที่ เหล่าบรรดานักขายภาพทุกคน จะต้องเป็นสมาชิกกันอยู่แล้ว อย่างแน่นอน ขั้นตอนการสมัครลงทะเบียนด้วยอีเมล พร้อมรหัสของเราทำการส่งภาพเข้าไปคัดเลือกกับทางเว็ปไซด์ (ส่งอย่างน้อย 10 ภาพ ผ่านแค่ 3 ภาพก็ได้แล้ว สำหรับผู้ไม่ผ่านก็ถ่ายส่งใหม่ได้อีก)รออีเมลยืนยันการเป็นสมาชิกเพียงขั้นตอนง่าย ๆ แค่นี้เราก็เป็นสมาชิกและเริ่มขายภาพได้แล้วในบางเว็ปไซด์ ไม่ต้องส่งภาพเพื่อคัดเลือก แต่สำหรับเว็ปไซด์อันดับหนึ่ง ของการถ่ายภาพนี้ จะต้องส่งถ่ายภาพเบื้องต้น (เครดิตภาพ : https://pixabay.com/images/id-865295/) สำหรับคนที่จะต้องการขายภาพนั้น ข้อสำคัญที่ควรมีคือ การรู้หลักการ การถ่ายภาพเบื้องต้น ขึ้นชื่อว่า การขายภาพ หากเราถ่ายภาพไม่เป็น หรือ ไม่รู้จักหลักการถ่ายภาพซักหน่อยแล้วละก็ รับรองได้เลย ยังไงภาพก็ขายไม่ได้ หลักการเบื้องต้น รู้จักการเซ็ทการตั้งค่ากล้องเบื้องต้น : การตั้งรูรับแสง ความไวชัตเตอร์ และ การทำภาพชัดลึกชัดตื้น รวมถึงการตั้งค่าของกล้องให้สามารถถ่ายภาพออกมาได้ ตามไอเดียของผู้คิด องค์ประกอบภาพ : การจัดองค์ประกอบของรูปก่อนที่เราจะถ่ายนั้น สำคัญมาก ๆ เพราะการจัดองค์ประกอบภาพที่ดี จะทำให้ภาพของเราดูดี และ มีมิติมากกว่าภาพอื่น ๆ เช่น หากเราถ่ายภาพคนกับวิวของหอไอเฟล ภาพที่ดีนั้น ตัวแบบไม่ควรทับซ้อนกับภาพวิวหลัก หรือภาพไม่เอียงเกินไป รวมถึง ภาพเก็บรายละเอียดของสถานที่และคนได้ครบถ้วนการแต่งภาพ : ในปัจจุบันกล้องดิจิตอลก็สามารถตกแต่งภาพได้ภายในกล้องเลย หรือ กล้องบางรุ่นที่ไม่สามารถทำได้ ก็ยังสามารถทำในโปรแกรม ทั้งใน Laptop หรือใน Smartphone ได้ การถ่ายภาพส่งนั้น ไม่จำเป็นจะต้องใช้กล้องดิจิตอลเสมอไป สามารถใช้ Smartphone ของเราถ่ายได้ เพียงแค่ตั้งค่ากล้องในมือถือให้ถ่ายภาพออกมาให้มีขนาดสูงสุดเท่านั้นเองคีย์ไอเดีย / ธีม (เครดิตภาพ : https://pixabay.com/images/id-2010022/) คีย์ไอเดียและธีมนั้น คือการที่เราต้องคิดก่อนถ่ายภาพ ซึ่งการมีไอเดียในการถ่ายภาพที่ดีนั้น จะทำให้ภาพของเราแตกต่างจากภาพของคนอื่น ๆ รวมถึงยังสามารถสร้างให้ภาพดูมีความหมายมากกว่าภาพอื่น ๆ ที่ขายอยู่อีก ส่วนธีมนั้น คือการที่เราถ่ายภาพเป็นเซ็ท ๆ ถ้าเราสามารถมีไอเดียและธีมในทีเดียว เราก็จะสามารถถ่ายภาพออกมาได้หลากหลายแบบ เช่น ไอเดียและธีมคือ ความสดใส ในการถ่ายภาพโดยอาศัยธีมนี้ เรายังสามารถถ่ายภาพได้หลากหลาย คือ ถ่ายภาพของเด็กยิ้ม ผู้ใหญ่ยิ้ม ภาพของท้องฟ้าที่มีสีฟ้าแจ่มใส หรือ ภาพของลูกโป่งหน้ายิ้ม จะเห็นได้ชัดว่าการมีธีมนั้น ทำให้เราสามารถถ่ายภาพได้หลากหลายขึ้น และ ในตัวของเว็ปไซด์ขายภาพเอง ยังสามารถให้ผู้ที่เลือกซื้อสามารถเห็นภาพ ในเซ็ทนั้น ๆ ของผู้อ่านได้อีก หากลูกค้าของเราเห็นภาพที่มีความคล้ายกัน แต่แตกต่างในเรื่องของตัวบุคคล หรือ แตกต่างในเรื่องของสถานที่แล้วนั้น อาจจะทำให้เขาถูกใจ และ ซื้อภาพเราไปเพิ่มได้อีกจ้าKeyword & Title (เครดิตภาพ : https://pixabay.com/images/id-2041816/) เมื่อเราถ่ายภาพออกมาแล้ว และกำลังอัพโหลดในเว็ปไซด์ เพื่อขายภาพ เราจะต้องใส่ในเรื่องของ Title และ Keyword เพื่อทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อภาพของเรานั้น ค้นหาภาพเจอ และ สามารถทำให้เว็ปไซด์สามารถจัดหมวดหมู่ของภาพได้ การใส่ Title และ Keyword นั้น ต้องทำเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดนะ ถ้าหากใครไม่เก่งสามารถใช้ตัวช่วยได้ ทั้ง Google translate หรืออื่น ๆ ที่ผู้ถ่ายถนัดได้เลยจ้า ไม่มีใครว่าTitle คือ การตั้งชื่อภาพ ควรตั้งชื่อภาพให้สอดคล้องกับภาพ เพื่อให้คนที่ต้องการซื้อภาพ แบบเดียวกับภาพที่เรามี สามารถค้นหาภาพเราเจอได้ง่าย ๆ เช่น เราถ่ายรูปภาพขวดน้ำอยู่ในถังขยะ ให้ตั้งชื่อประมาณ " A Bottle of water in trash " ดังนั้นหากเราตั้งชื่อภาพได้ไม่สอดคล้องกับภาพของเรา อาจจะทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อภาพแนวนี้ ค้นหาภาพของเราไม่เจอนะจ๊ะ ในเว็ปไซด์ Shutter Stock สามารถใส่ Title ได้ทั้งหมด 200 คำ ไม่จำเป็นต้องใส่ให้ครบ 200 คำ แค่ตั้งชื่อให้ครอบคลุมทั้งหมดของภาพก็พอKeyword อันนี้เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด เพราะจะเป็นส่วนที่ทำให้ลูกค้าหรือคนที่ต้องการซื้อภาพของเรา ค้นหาเจอรูปของเราแน่ ๆ เพราะในการค้นหาตามความเป็นจริง ลูกค้าบางคนอาจจะไม่ได้ค้นหาว่า " A Bottle of water in trash " ทั้งประโยค อาจจะแค่พิมในช่องค้นหาแค่ bottle หรือ bottle trash แค่นี้ก็ได้ ดังนั้นการใส่ keyword ให้ครบถ้วน และครอบคลุมก็จะทำให้ ลูกค้าค้นหาภาพเราเจอได้ง่าย ๆในเว็ปไซด์ Shutter Stock สามารถใส่ keyword ได้ทั้งหมด 50 คำ เราก็ใส่ให้ครบ หรือ ใกล้เคียงมากที่สุด โดยอาจจะเริ่มง่าย ๆ เช่น ภาพขวดน้ำอยู่ในถังขยะ ก็ให้ใส่ keyword เป็น bottle,water,trash,bin,waste โดยคำนึงให้ครอบคลุมคำ เพราะเพียงคำว่าถังขยะในภาษาอังกฤษ อาจจะมีหลายคำก็ได้ ในส่วนนี้สามารถใช้ Google ช่วยได้นะ หรือ เว็ปไซด์อื่น ๆ ช่วยได้ ผู้เขียนมีเว็ปไซด์หนึ่ง ซึ่งสามารถช่วยได้เยอะมากคือ https://www.mykeyworder.com เพียงแค่เราใส่ชื่อภาพเข้าไป แล้วกดค้นหา ทางเว็ปไซด์ก็จะคัดเลือก keyword ที่เกี่ยวข้องมาให้เราแล้ว แต่เราต้องเลือกดูดี ๆ นะ บาง keyword ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาพเท่าไหร่ ในเว็ปไซด์ Shutter Stock ในขั้นตอนการใส่ Keyword ทางเว็ปไซด์ มีตัวช่วยมาให้เลือกอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเป็นภาพที่เราสามารถคิด Keyword ได้ทั้งหมด ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ตัวช่วยอื่นการกระจายช่องทาง(เครดิตภาพ : https://pixabay.com/images/id-1169324/ ) ข้อดีที่ดีมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ของการขายภาพนั้น คือ ภาพทุกภาพที่เราขาย ยังไงภาพนั้น ลิขสิทธิ์ก็คือของเรา ถึงแม้ว่าเราจะขายภาพนี้ ใน Shutter Stock และมีคนซื้อไปแล้ว แต่เราก็ยังสามารถขายภาพนี้ ให้กับเพื่อน ๆ หรือ บริษัทอื่น ๆ ผ่านทางช่องทางอื่น ๆ ได้อีก ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือการกระจายช่องทาง การขายของภาพเรา ในเว็ปไซด์ขายภาพในปัจจุบันมีเยอะมาก และ คนที่เข้ามาซื้อภาพ ก็กระจายตัวไปตามเว็ปไซด์อื่น ๆ มากเช่นกัน (แต่ยังไง Shutter Stock ก็คนเข้าเยอะที่สุดอยู่ดี) เพื่อทำให้คนที่อาจจะหารูปภาพในเว็ปไซด์แรก ไม่เจอภาพเรา หรือ ไม่เจอภาพที่เขาต้องการ เขาอาจจะมาหาในเว็ปไซด์ที่สอง และเจอภาพของเราในเว็ปไซด์นี้ก็ได้ ถึงแม้ว่าเราจะขายในเว็ปไซด์แรกด้วยก็ตาม แหล่งกระจายช่องทางShutter Stock : https://www.shutterstock.com Fotolia : https://www.fotolia.comDreamstime : https://www.dreamstime.comistockphoto : https://www.istockphoto.com/th123RF : https://www.123rf.com สำหรับการขายภาพในปัจจุบัน เป็นช่องทางหารายได้เสริมที่กำลังเริ่มจะเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากการขายภาพแล้ว เรายังได้ทักษะในการถ่ายภาพติดตัวมาอีก และยังนำไปหารายได้ในช่องทางอื่น ๆ ได้เพิ่มอีก สำหรับหลาย ๆ คนที่ทำมาในวงการนี้ บางคนสามารถทำรายได้ ได้มากกว่างานประจำ จนต้องออกมาทำ Stock Photo เพียงอย่างเดียวเลยก็มี ซึ่งในทุก ๆ งานที่ทำก็ต้องอาศัยการลงทุน ลงแรง และที่สำคัญต้องตั้งใจทำให้มาก ๆ แล้วซักวันหนึ่ง คุณอาจจะต้องลาออกจากงานประจำเพื่อมาทำ Stock Photo อย่างเดียวเลยก็ได้ ใครจะรู้