สวัสดีคุณผู้อ่านทรูไอดีทุกท่านครับ เคยสงสัยไหมครับว่า เวลาดูเวลาในภาษาอังกฤษ AM กับ PM ใช้ต่างกันอย่างไร ในบทความนี้ผู้เขียนจะอธิบายแบบง่ายๆ พร้อมยกตัวอย่างประโยคให้คุณเข้าใจครับ การบอกเวลาภาษาอังกฤษโดยใช้ระบบ AM และ PM เป็นวิธีที่แพร่หลายในหลายประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ระบบนี้ใช้เพื่อระบุเวลาช่วงครึ่งวัน แบ่งเป็น AM (Ante Meridiem) สำหรับเวลาช่วงเที่ยงคืนถึงเที่ยงวัน และ PM (Post Meridiem) สำหรับเวลาช่วงเที่ยงวันถึงเที่ยงคืนครับ วิธีการอ่านและเขียนเวลา - การอ่านเวลา 1. เวลาช่วง AM12:00 AM เรียกว่า “เที่ยงคืน” (Midnight)1:00 AM เรียกว่า “ตีหนึ่ง” (One o’clock in the morning)6:00 AM เรียกว่า “หกโมงเช้า” (Six o’clock in the morning)11:59 AM เรียกว่า “สิบเอ็ดโมงห้าสิบเก้านาที” (Eleven fifty-nine in the morning) 2. เวลาช่วง PM12:00 PM เรียกว่า “เที่ยงวัน” (Noon)1:00 PM เรียกว่า “บ่ายโมง” (One o’clock in the afternoon)6:00 PM เรียกว่า “หกโมงเย็น” (Six o’clock in the evening)11:59 PM เรียกว่า ห้าทุ่มห้าสิบเก้านาที” (Eleven fifty-nine at night) - การเขียนเวลา การเขียนเวลาในระบบ AM และ PM นั้นง่ายมาก เพียงแค่ระบุเลขชั่วโมงตามด้วยนาที และตามด้วย AM หรือ PM เช่น8:00 AM3:15 PM7:30 AM11:45 PM - ข้อควรระวังในการใช้ AM และ PM1. อย่าสับสนเวลาเที่ยงคืนและเที่ยงวัน12:00 AM คือเวลาเที่ยงคืน12:00 PM คือเวลาเที่ยงวัน 2. ควรใส่ AM หรือ PM เสมอเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีความสับสน ควรระบุ AM หรือ PM ทุกครั้งที่เขียนหรือพูดเวลา ตัวอย่างเช่น หากบอกว่า “10:00” ควรระบุว่าเป็น “10:00 AM” หรือ “10:00 PM” เพื่อป้องกันการสับสน 3. การใช้คำเฉพาะเพื่อบ่งบอกเวลาในบางครั้ง สามารถใช้คำเฉพาะเพื่อบ่งบอกเวลาได้ เช่น “noon” สำหรับ 12:00 PM และ “midnight” สำหรับ 12:00 AM ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ชัดเจนโดยไม่ต้องใส่ AM หรือ PM ตัวอย่างประโยค I usually wake up at 7:00 AM. ฉันมักจะตื่นนอนเวลา 7:00 น. ในตอนเช้า คำว่า “usually” หมายถึง “มักจะ” ซึ่งแสดงถึงการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นประจำ “wake up” แปลว่า “ตื่นนอน” at 7:00 AM หมายถึง เวลา 7:00 น. ในตอนเช้า ซึ่งใช้ AM เพื่อบอกว่าเป็นช่วงเวลาตอนเช้า The meeting is scheduled for 2:30 PM. การประชุมถูกกำหนดไว้เวลา 14:30 น.The meeting แปลว่า การประชุม is scheduled for หมายถึง ถูกกำหนดไว้ หรือ มีนัดหมายไว้ 2:30 PM คือ เวลา 14:30 น. ในตอนบ่าย โดยใช้ PM เพื่อบอกว่าเป็นช่วงเวลาบ่าย She goes to bed at 10:00 PM every night. เธอเข้านอนเวลา 10:00 น. ในทุกคืน She แปลว่า เธอ goes to bed หมายถึง เข้านอน at 10:00 PM หมายถึง เวลา 22:00 น. ในตอนกลางคืน โดยใช้ PM เพื่อบอกว่าเป็นช่วงเวลาค่ำ every night” หมายถึง “ทุกคืน We have breakfast at 8:00 AM. เรารับประทานอาหารเช้าเวลา 8:00 น. We แปลว่า เรา have breakfast หมายถึง รับประทานอาหารเช้า at 8:00 AM หมายถึง เวลา 8:00 น. ในตอนเช้า โดยใช้ AM เพื่อบอกว่าเป็นช่วงเวลาตอนเช้า The movie starts at 6:45 PM. ภาพยนตร์เริ่มฉายเวลา 6:45 น. ในตอนเย็นThe movie แปลว่า ภาพยนตร์ starts หมายถึง เริ่ม at 6:45 PM หมายถึง เวลา 18:45 น. ในตอนเย็น โดยใช้ PM เพื่อบอกว่าเป็นช่วงเวลาค่ำ He arrives at work by 9:00 AM. เขามาถึงที่ทำงานเวลา 9:00 น. He แปลว่า เขา arrives หมายถึง มาถึง at work หมายถึง ที่ทำงาน by 9:00 AM หมายถึง เวลา 9:00 น. ในตอนเช้า โดยใช้ AM เพื่อบอกว่าเป็นช่วงเวลาตอนเช้า Lunch will be served at 12:00 PM. อาหารกลางวันจะเสิร์ฟเวลา 12:00 น. ในตอนเที่ยง Lunch แปลว่า อาหารกลางวัน will be served หมายถึง จะเสิร์ฟ at 12:00 PM หมายถึง เวลา 12:00 น. ในตอนเที่ยง โดยใช้ PM เพื่อบอกว่าเป็นช่วงเวลาหลังเที่ยงวัน They leave the office at 5:30 PM. พวกเขาออกจากที่ทำงานเวลา 17:30 น. ในตอนเย็น They แปลว่า พวกเขา leave หมายถึง ออกจาก the office หมายถึง ที่ทำงาน at 5:30 PM หมายถึง เวลา 17:30 น. ในตอนเย็น โดยใช้ PM เพื่อบอกว่าเป็นช่วงเวลาค่ำ My flight departs at 11:00 AM. เที่ยวบินของฉันออกเดินทางเวลา 11:00 น. ในตอนเช้า My flight แปลว่า เที่ยวบินของฉัน departs หมายถึง ออกเดินทาง at 11:00 AM หมายถึง เวลา 11:00 น. ในตอนเช้า โดยใช้ AM เพื่อบอกว่าเป็นช่วงเวลาตอนเช้า The concert begins at 7:00 PM. คอนเสิร์ตเริ่มเวลา 19:00 น. ในตอนเย็นThe concert แปลว่า คอนเสิร์ต begins หมายถึง เริ่ม at 7:00 PM หมายถึง เวลา 19:00 น. ในตอนเย็น โดยใช้ PM เพื่อบอกว่าเป็นช่วงเวลาค่ำ คำศัพท์เกี่ยวกับบทความนี้ 1. usually (‘ยูสชัวรี) มักจะ2. meeting (‘มีททิง) การประชุม3. every (‘เอฟวี่) ทุก4. night (ไนทฺ) คืน5. breakfast (เบรค’ฟาสทฺ) อาหารเช้า6. movie (มู’วี) ภาพยนตร์7. start (สทาร์ท) เริ่ม8. arrive (อะไรว’) มาถึง9. office (ออฟ’ฟิซฺ) ที่ทำงาน10. lunch (ลันชฺ) อาหารกลางวัน11. leave (ลีฟว) ออกจาก12. flight (ไฟลทฺ) เที่ยวบิน13. concert (คอน’เซิร์ท) คอนเสิร์ต คุณผู้อ่านครับ การใช้ AM และ PM ในการบอกเวลาภาษาอังกฤษช่วยให้เราสามารถระบุช่วงเวลาได้อย่างชัดเจนและแม่นยำ การเข้าใจและใช้ระบบนี้อย่างถูกต้อง จะช่วยให้การสื่อสารเวลาเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีความสับสน การฝึกฝนและทำความเข้าใจการอ่านและเขียนเวลาในรูปแบบนี้จะทำให้เรามีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น ถ้าหากคุณผู้อ่านชอบบทความที่มีประโยชน์แบบนี้ อย่าลืมแชร์หรือส่งต่อให้เพื่อนๆ ด้วยนะครับ แล้วเจอกันใหม่ในบทความต่อไป สวัสดีครับ ช่องทางการติดตาม อังกฤษออนไลน์ - แอมไฟน์ แต๊งกิ้ว True ID: https://creators.trueid.net/@117825FACEBOOK PAGE: https://www.facebook.com/englishonlineimfinethankyouYoutube: https://www.youtube.com/channel/UCWfLIf66fDJuI86DqRPLGgQ ขอบคุณรูปภาพประกอบภาพหน้าปกและภาพประกอบหน้าปกทั้งหมด โดย https://www.canva.com/th_th/ภาพประกอบ 1-5 จาก https://pixabay.com/th/ ภาพที่1 โดย the5th ภาพที่2 โดย mwitt1337 ภาพที่3 โดย bru-noภาพที่4 โดย jeshoots ภาพที่5 โดย pexelsเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !