สาธารณสุขเมียนมาใกล้ล่มสลาย! รัฐประหารเมียนมา ทำลายมาตรการควบคุมโควิด-19
Editor’s Pick: สาธารณสุขเมียนมาใกล้ล่มสลาย จากการรัฐประหารที่ทำลายระบบประกันสุขภาพ กับภัยโควิด-19 ที่ซ่อนหลืบใต้อำนาจกองทัพ
บุคลากรทางการแพทย์เมียนมา ตกที่นั่งลำบาก ชีวิตต้องตัดสินใจระหว่างช่วยเหลือผู้ป่วย แต่ต้องยอมรับใช้รัฐบาลทหาร ที่ใช้กำลังทำร้ายประชาชน
เรื่องเล่าของ ‘คนไข้’
โม อายุ 53 ปี ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมระดับ 3
เธอจำเป็นต้องไปรับการ ‘รังสีรักษา’ หรือการรักษาด้วยรังสี ทุก ๆ 3 สัปดาห์ที่โรงพยาบาลมัณฑะเลย์เจเนรัลของภาครัฐ ในพื้นที่ทางตอนเหนือของเมียนมา
แต่เมื่อกองทัพตัดสินใจยึดอำนาจ ก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ โรงพยาบาลที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงชีวิตของเธอ ได้ปิดให้บริการ เพราะแพทย์และพยาบาลพร้อมใจผละงาน เพื่อประท้วงรัฐบาลทหาร
ตอนนี้ โม ไม่มีเงินจะไปรักษากับโรงพยาบาลเอกชนที่มีค่าใช้จ่ายถึง 22,000 บาท เพื่อให้ครบคอร์สการรักษา
โม เชื่อว่า ถ้าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เธอคงมีชีวิตได้อีกเพียงปีเดียว แต่เธอไม่กล่าวโทษเหล่าแพทย์เลย เธอมองว่า “เป็นความผิดของกองทัพ”
“ถ้าฉันจะตายเพราะมะเร็ง ฉันรับได้ แต่ชาวเมียนมาคนอื่น ๆ สมควรจะได้รับประชาธิปไตยคืนมา”
คำอธิบายของ ‘แพทย์’
สำหรับบุคลากรทางการแพทย์แล้ว พวกเขาไม่มีทางเลือกมากนัก
ขยี ขยี แพทย์ในเมืองมัณฑะเลย์ ที่ประท้วงต้านรัฐบาลทหารมาเกือบ 3 เดือนแล้ว บอกว่า “ตราบใดที่รัฐบาลทหารยังครองอำนาจ ฉันจะไม่กลับไปทำงาน”
“ฉันไม่อยากแสดงการยอมรับรัฐบาลทหาร ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม”
ช่วงสัปดาห์แรก ๆ หลังรัฐประหาร ขยี ขยี ยังให้คำปรึกษาทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลภาคเอกชนแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่กล้วเธอก็ตระหนักว่า มันอันตรายเกินไป หลัง “เห็นทหารประจำการในโรงพยาบาล ดักรอพวกเรา”
ระบบแพทย์ใกล้ล่มสลาย
ระบบประกันสุขภาพเมียนมา เป็นหนึ่งในภาคส่วนที่กระทบหนักสุดจากการรัฐประหาร เพราะแพทย์หลายพันคนเข้าร่วมกับขบวนการอารยะขัดขืน เพื่อต่อต้านรัฐบาลทหาร ด้วยการผละงาน ‘ไม่รับใช้เผด็จการ’
โรงพยาบาลและคลินิกต่าง ๆ กว่า 80% อยู่ในระบบประกันสุขภาพของภาครัฐเมียนมา คอยให้บริการด้านสุขภาพแก่ประชากร 54 ล้านคน
แต่เมื่อเกิดรัฐประหาร ระบบประกันสุขภาพทั้งหมดสูญหายไปชั่วข้ามคืน และท่ามกลางวิกฤตโควิด-19
ดอกเตอร์ มิตเชล สังมา จากองค์การแพทย์ไร้พรมแดน ที่ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือชาวเมียนมาในนครย่างกุ้ง ระบุว่า “สถานการณ์น่าวิตกมาก”
“ระบบสาธารณสุขใกล้ล่มสลายแล้ว“
ทหารพุ่งเป้าบุคลากรทางการแพทย์
รายงานข่าวมากมาย บ่งชี้ว่า กองทัพเมียนมาพุ่งเป้าไปที่บุคลากรทางการแพทย์ที่อารยะขัดขืน ด้วยการบุกสถานพยาบาลต่าง ๆ จับกุม ควบคุมตัว รวมถึงบางกรณี ถึงขั้นทุบตีพวกเขา
“เราจึงต้องระวังตัวอย่างมาก” ขยี ขยี กล่าว
“หลังเกิดรัฐประหาร เราถูกกดดันให้ต้องออกจากหอพักข้าราชการติดกับโรงพยาบาล ตอนนี้ ฉันอาศัยอยู่กับเพื่อนที่อีกมุมเมืองหนึ่ง พวกเรากลัวมาก”
ตอนนี้ มีสถานบริการในระบบประกันสุขภาพของภาครัฐเพียงไม่กี่แห่งที่ยังให้บริการอยู่ และทั้งหมดอยู่ใต้การควบคุมดูแลของทหาร
กองทัพพยายามชักจูงให้แพทย์บางคนกลับมาทำงาน แต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก
‘ระบบที่พังทลาย’
สถานการณ์โควิด-19 ทำให้สถานการณ์ยิ่งซับซ้อนมากขึ้น โดย ดอกเตอร์ จอย สิงหล หัวหน้าผู้แทนเมียนมาของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ ระบุว่า รัฐบาลพลเรือนเมียนมา เริ่มฉีดวัคซีนต้านโควิดให้ประชาชนในเดือนมกราคม แต่บุคคลที่ทำหน้าที่เหล่านี้ “ไม่เหลืออยู่แล้ว”
“เรากำลังเผชิญวิกฤตหนักด้านโควิดด้วย”
“ประชาชนชุมนุมกันเป็นจำนวนมาก ไม่มีการตรวจโควิดเลย ผู้คนเข้าไม่ถึงการรักษา ทั้งหมดนี้เสี่ยงต่อระบบสาธารณสุขอย่างมาก”
เดือนมกราคม ก่อนการรัฐประหาร เมียนมามีผู้ติดโควิด-19 เพิ่ม 15,515 คน แต่ตอนนี้ ข้อมูลของรัฐบาลทหาร กลับไม่น่าเชื่อถือนัก เพราะเดือนมีนาคม รายงานพบผู้ป่วยเพียง 538 คนเท่านั้น หรือลดลงถึง 97% จากข้อมูลเดือนล่าสุด
คำถามคือ เมียนมาจะอยู่อย่างนี้ได้อีกนานแค่ไหน
“มันเหมือนเรากำลังเดินบนขอบหน้าผา และเราก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาได้ยังไง...ประกันสุขภาพขั้นพื้นฐานเป็นสันหลังของสังคม แต่ตอนนี้ สันหลังมันหักไปแล้ว”
สำหรับ ดอกเตอร์ ขยี ขยี แล้ว แม้จะเจ็บปวดแต่เธอตัดสินใจแล้ว
“ยิ่งเราคิดถึงคนไข้ เราก็ยิ่งเจ็บปวด แต่แม้จะเจ็บปวด เราก็ต้องต่อสู้ต่อไป” เธอกล่าว
“ฉันเชื่อว่าประเทศชาติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะหากปล่อยให้ทหารชนะ เราจะทรมานต่อไปอีก 20 หรือ 30 ปี”