สมุนไพรนั้นเป็นพืชที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งมีสรรพคุณทางยาสามารถนำมาใช้รักษาโรคและแก้อาการต่าง ๆ ได้ แต่การจะนำพืชสมุนไพรมาใช้นั้น จำเป็นต้องมีการศึกษาถึงลักษณะและวิธีการใช้เสียก่อนเพื่อให้สามารถใช้สมุนไพรได้ตรงกับโรคและอาการที่เป็นอยู่ อันไม่ก่อให้เกิดผลเสียแต่ร่างกาย ซึ่งในปัจจุบันนั้นคนเริ่มให้ความสำคัญในการศึกษาด้านการใช้สมุนไพรน้อยลง ทำให้สมุนไพรบางชนิดไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไรนัก ผู้เขียนจึงมีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งในการนำข้อมูลลักษณะและสรรพคุณของสมุนไพรต่าง ๆ มาเผยแพร่ให้ข้อมูล อันเป็นแนวทางในการศึกษาและวิธีใช้เบื้องต้นอย่างถูกต้อง รวมถึงข้อควรระวังด้วย ซึ่งในบทความนี้ผู้เขียนได้นำข้อมูลของสมุนไพรหายากอีกหนึ่งชนิดมาบอกเล่าให้ทราบถึงประโยชน์และความสำคัญนั่นคือ “กระเบา” ไม้ยืนต้นที่หลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อ และไม่รู้ว่าพืชชนิดนี้เป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าภาพถ่ายโดยผู้เขียนลักษณะของต้น “กระเบา” เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีลำต้นที่ตรง เปลือกของลำต้นสีเทาแต้มขาว เนื้อไม้มีความแข็ง มีอายุยืน ไม้ชนิดนี้เมื่อโตเต็มที่จะสูงได้ถึง 30 เมตร และลำต้นหนาถึงสี่คนโอบ สามารถพบได้ทุกภาคของประเทศไทยโดยเฉพาะป่าดิบ ใบจะมีลักษณะเรียวยาว ขอบใบทั้งสองฝั่งขนานกัน ปลายแหลมคล้ายใบหอก เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับคู่กันที่ก้านใบ ดอกมีสีขาวนวลออกตามก้านใบมีกลิ่นฉุน ผลเป็นรูปทรงกลมมีขนคล้ายกำมะหยี่สีน้ำตาลสรรพคุณ “กระเบา” มีฤทธิ์ใช้ต่อต้านมะเร็ง เป็นยาถ่ายพยาธิ ใช้รักษาบาดแผลทั้งแผลสดและแผลเรื้อ ยับยั้งมดลูกบีบตัว รักษาอาการผมร่วง ใช้เป็นยารักษาอีสุกอีใส แก้อาการปวดบวมตามข้อ แก้โรคผิวหนังกากเกลื้อนภาพถ่ายโดยผู้เขียนเมื่อครั้งสมัยที่ผู้เขียนเป็นเด็กได้เห็นต้นกระเบาขึ้นอยู่ที่คันนา ซึ่งขึ้นเองตามธรรมชาติ ตอนนี้ผู้เขียนไม่รู้จักก็คิดว่าเป็นเพียงต้นไม้ที่ให้ร่มเงาธรรมดา จนมาได้ทราบว่าที่จริงแล้วต้น “กระเบา” นั้นเป็นสมุนไพรสามารถนำมาทำเป็นยาได้ เมื่อปู่ของผู้เขียนได้ นำรากและเปลือกของ “กระบา” มาบดจนละเอียดแล้วนำมาช่วยรักษาแผลให้กับเด็กข้างบ้านที่บั่นจักยานล้มจนเป็นแผลใหญ่ ซึ่งเมื่อนำเนื้อยามาพอกได้ 3-4 วัน ก็เห็นได้ชัดว่าแผลนั้นแห้งได้เร็วมาก อีกทั้งปู่ยังเคยนำเม็ดมาต้มน้ำน้ำให้เด็กที่เป็นกลากเกลื้อนอาบ ภายใน 1-2 สัปดาห์อาการก็หายไป ซึ่งหากใครที่เคยเป็นกลากเกลื้อนนั้นจะทราบดีว่าการรักษาให้หายนั้นไม่ง่ายและต้องใช้เวลานานมากที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงสรรพคุณส่วนหนึ่งที่ผู้เขียนเคยมีประสบการณ์มา เนื่องด้วยปู่ของผู้เขียนเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านสมุนไพรเป็นอย่างดี ทำให้รู้วิธีการใช้สมุนไพรชนิดต่าง ๆ ได้อย่างชำนาญ ซึ่งผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะทำให้ทุกท่านหันมาสนใจสมุนไพรมากขึ้น และช่วยกันอนุรักษ์ให้คงอยู่สืบต่อไปภาพถ่ายโดยผู้เขียน