รีเซต

นายกฯ ปรับแผน สั่งซื้อวัคซีนโควิดมากกว่า 150 ล้านโดส พร้อมฉีดเข็ม 3

นายกฯ ปรับแผน สั่งซื้อวัคซีนโควิดมากกว่า 150 ล้านโดส พร้อมฉีดเข็ม 3
TNN ช่อง16
8 พฤษภาคม 2564 ( 09:43 )
613
นายกฯ ปรับแผน สั่งซื้อวัคซีนโควิดมากกว่า 150 ล้านโดส พร้อมฉีดเข็ม 3

 

ข่าววันนี้ 8 พ.ค.64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์โควิด 19 ในประเทศไทย ผ่าน PM PODCAST นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง ผ่านเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า โดยยอมรับว่า ไทยกำลังต่อสู้กับการแพร่ระบาดโควิด 19 ระลอกที่ 3 ถือว่าเลวร้ายที่สุด

 

 

ดังนั้น ที่ผ่านมาตนเองจึงได้ มอบนโยบายพร้อมสั่งการ ทำงานอย่างบูรณาการไปแล้ว โดยขอย้ำว่าการตัดสินในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ต้องรวดเร็ว และการทำงานต้องเป็นไปอย่างบูรณาการ ตนเองจึงได้มีมติ ครม. ในการโอนอำนาจ กฎหมาย 31 ฉบับ มายังนายกรัฐมนตรี มีอำนาจสั่งการโดยตรง ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สูงสุด รวดเร็ว แต่ก็คำนึงกฎหมายรอง และกฎหมายหลักของแต่ละทรวงอยู่ เพื่อให้การดำเนินการที่เป็นไปอย่างถูกต้อง  ดังนั้นขอขอบคุณทุกหน่วยงาน และกระทรวงที่มีความคิดเห็นแนวทางสอดคล้องกันในการรับมือ และผ่านวิกฤตนี้ไปได้ 

 

 

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า สถานการณ์โควิด 19 ทั่วโลกขณะนี้ ยังมีการแพร่ระบาดอย่างหนักเช่นเดียวกับประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการแพร่ระบาดคลัสเตอร์ คลองเตย ตนเองได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และสั่งการให้ทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลังในการช่วยเหลือควบคุมการแพร่ระบาด โดยใช้ประสบการณ์โมเดลจากสมุทรสาครในการตรวจเชื้อ คัดกรองเร่งตรวจกลุ่มเสี่ยงให้ได้อย่างน้อย 1,000 คนต่อวัน

 

 

โดยมีหน่วยเคลื่อนที่และรถตรวจเชื้อพระราชทาน เพื่อตรวจเชื้อให้ได้ชชทั้งหมด 20,000 คน จากนั้นจะดำเนินการแยกผู้ป่วยตามลำดับอาการเพื่อส่งต่อการรักษาพร้อมกับการระดมฉีดวัคซีนโควิด-19 ในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งล่าสุดจากรายงานของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในพื้นที่คลองเตย ดำเนินการการตรวจหาเชื้อ 700 คนต่อวันแล้ว ขณะที่การระบาดในคลัสเตอร์อื่นๆ ก็จะเร่งตรวจเชิงรุกต่อไป 

 

 

นายกรัฐมนตรี ยังสั่งการแก้ปัญหาสำรองเตียงผู้ป่วยอาการหนักใน กทม.และปริมณฑล พร้อมย้ำว่าขณะนี้มีเตียงเพียงพอ และเตรียมขยายเพิ่ม เพื่อร้องรับผู้ป่วยอาการหนัก เช่น เปิดโรงพยาบาลสนามที่ทุ่งครุ โดยเพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วยหนักถึง 432 เตียง และย้ำการปฎิบัติงานไปยังกระทรวงสาธารณสุขว่า จะต้องลดการสูญเสียให้มากที่สุด  

 

 

นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่า ขณะนี้ไทยมียาพาวิฟิราเวียร์ ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด 19 อย่างเพียงพอ แม้จะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยมีสต็อกยาไว้ ที่ 1.5 ล้านเม็ด ปัจจุบัน กระจายยาไปยังทั่วประเทศ และในเดือนนี้จะได้รับยาอีก 3 ล้านเม็ด ดังนั้นขอทุกคนอย่ากังวลในเรื่องนี้ ส่วนยา อื่นๆ ก็ให้พิจารณาในการใช้ เพื่อให้เปิดประโยชน์สูงสุด 

 

 

 

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ กทม และปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ดังนั้น ตนเองจึงต้องสั่งการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด จึงตั้งศูนย์เพื่อบูรณาการการทำงานของทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยที่ตนเองเป็นหัวหน้าศูนย์นี้เอง ซึ่งศูนย์ดังกล่าวจะสามารถเป็นแนวทางแก้ปัญหาให้กับจังหวัดอื่นๆ ได้ และย้ำว่าการที่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการช่วยกันแก้ปัญหา และมีคณะแพทย์ที่คอยเป็นที่ปรึกษาและเสนอแนะในการแก้ไข 

 

 

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังชี้ว่า ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์ไม่น่าจะแก้ไขได้โดยเร็ว ดังนั้นประเทศไทยจึงต้องเตรียมรับสถานการณ์ในอนาคตไว้ตั้งแต่วันนี้ ซึ่งตนเองได้สั่งการเตรียมแผนหลัก และแผนสำรอง จะต้องเพิ่มจำนวนวัคซีนป้องกันโควิด-19

 

 

โดยไทยต้องจัดหาวัคซีนให้ได้มากกว่านี้ 150 ล้านโดส หรือมากกว่านั้น เพื่อเตรียมการรับความเสี่ยงในปีหน้าด้วย รวมถึงเตรียมวัคซีนเข็มที่ 3 ในการป้องกันไวรัสที่กลายพันธุ์ รวมถึงการส่งมอบวัคซีนที่ล่าช้า

 

 

อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีฐานผลิตวัควีนแอสตร้าเซนเนก้าในประเทศ แต่เพื่อป้องกันความเสี่ยง จึงได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขเจรจาผู้ผลิตวัคซีนอีกหลายราย นอกเหนือจาก 7 บริษัทที่ได้พูดคุยไว้ ซึ่งทุกอย่างต้องปฎิบัติตามระเบียบและกฎเกณฑ์การสั่งซื้อวัคซีน

 

 

ล่าสุดไทยจะได้รับวัคซีนมาอีก 3.5 ล้านโดสเดือนนี้ จากนั้นก็จะปรับแผนการกระจายวัคซีน โดยเร่งฉีดวัคซีนเข้มแรกให้ประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะทางการแพทย์เชื่อว่า แม้ฉีดเข้มแรกก็ลดโอกาสรับเชื้อบรรเทาอาการต่างๆ ลงได้

 

 

ดังนั้น จึงขอให้ทุกคนรับการฉีดวัคซีนเพื่อเป็นการป้องกัน และย้ำว่าที่ผ่านมาสามารถแก้ปัญหาได้ ดังนั้นการแก้ไขปัญหารัฐบาลจะต้องดำเนินการจัดการอย่างรวดเร็วอย่างเด็ดขาด 

 

 

 

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง