โคราชผวา! ไทม์ไลน์ผู้ป่วยเชื่อมโยงวัดดัง พระ-ญาติโยม ตรวจหาเชื้อวุ่น
วันที่ 23 เมษายน 2564 สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ยังคงพบผู้ป่วยรายใหม่ทุกวัน ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 384 ราย ซึ่งล่าสุดพบไทม์ไลน์ผู้ป่วยติดเชื้อรายหนึ่งเดินทางไปที่วัดสุทธจินดา วรวิหาร วัดดัง ที่ตั้งอยู่กลางใจเมืองใกล้กับสถานที่ราชการต่างๆ โลกโซเชียลจึงพากันแชร์ข้อมูลต่อๆกันไปว่า “ มัคทายกวัดติดโควิด ช่วงนี้อย่าเพิ่งไปทำบุญที่วัด” ทำให้ประชาชนในเขตเทศบาลนคนครราชสีมา ต่างพากันแตกตื่นมากยิ่งขึ้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อมูลกับแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือรายหนึ่ง ทราบว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายนี้เป็นผู้ชาย ไม่ใช่มัคทายกวัด แต่เคยเป็นลูกศิษย์พระสาสนโสภณ หรือ หลวงพ่อใหญ่ เจ้าอาวาสวัดสุทธจินดาวรวิหาร ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 8 สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติ ที่เพิ่งมรณภาพไปเมื่อวันที่ 9 ตุลาคมปีที่แล้ว โดยมักจะเข้ามาช่วยงานบ่อยๆในช่วงเย็นวันเสาร์บนศาลาการเปรียญของวัด ซึ่งพระและญาติโยมภายในวัดไม่เคยทราบมาก่อนว่าติดเชื้อโควิด จนเมื่อมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้ามาแจ้งให้ทราบเมื่อวานนี้ (22 เมษายน 2564) ว่า แฟนของชายคนดังกล่าวเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 และเมื่อชายคนนี้ตรวจหาเชื้อ ก็พบว่า ผลเป็นบวกติดเชื้อโควิดด้วย ทางสาธารณสุขจึงต้องลงพื้นที่มาตรวจเชิงรุกกลุ่มผู้ใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำ กว่า 100 คนซึ่งมีทั้ง พระ สามเณร และฆราวาส ซึ่งมีเสี่ยงสูงอยู่ประมาณ 4 คน ส่งไปตรวจหาเชื้ออย่างละเอียดที่ รพ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ส่วนเสี่ยงต่ำให้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน ที่เปิดให้บริการบริเวณสนามศาลากลางจังหวัดฯ สำหรับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเขตอำเภอเมืองนครราชสีมา ซึ่งผลการตรวจกลุ่มเสี่ยงสูง 2 รอบ ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ ขณะที่กลุ่มเสี่ยงต่ำก็ไม่พบว่าติดเชื้อโควิดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดจะต้องกักตัวเองอยู่แต่ภายในวัด 14 วัน เพื่อสังเกตอาการ โดยจะจัดอาหารเป็นชุดให้พระเณรแต่ละรูปไปฉันในกุฏิแยกกัน ไม่ใช้อุปกรณ์ร่วม สวมหน้ากากอนามัย และปฏิบัติตามมาตรการที่สาธารณสุขกำหนด ที่สำคัญคือ ช่วงนี้ต้องงดรับกิจนิมนต์ แต่ทางวัดยังไม่ได้ปิดพื้นที่ ญาติโยมยังสามารถเข้าไปทำบุญได้ตามปกติ แต่จะต้องคัดกรอง ใส่แมส ล้างเจลแอลกอฮอล์ และจะต้องเว้นระยะห่างตามมาตรการอย่างเคร่งครัด
ซึ่งบรรยากาศภายในวัด วันนี้ค่อนข้างเงียบเหงา ประชาชนยังคงตื่นกลัวกับกระแสการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ที่ระบาดอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้หลายคนไม่กล้าเดินทางเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงที่ระบุในไทม์ไลน์