พิพิธภัณฑ์แห่งการเรียนรู้หรืออนุสรณ์บันทึกแห่งความทรงจำ ของเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 และต่อเนื่องถึง 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ตั้งอยู่ที่ “สำนักสงฆ์สามแสงธรรม” และ “โรงเรียนการเมืองการทหาร ที่ตั้งอยู่บนภูหินร่องกล้า” สถานที่เหล่านี้ คือแหล่งเรียนรู้ที่ทำให้คนรุ่นหลังได้ย้อนอดีตให้รำลึกถึงวีรชน แม้เป้าหมายในการกระทำอาจจะแตกต่างกัน แต่ความเชื่อ แรงศรัทธาของวีรชนก็เต็มเปี่ยมมากไปด้วยความเสียสละ ความมุ่งมั่นและความจงรักภักดีต่อพื้นแผ่นดินไทยที่ถือกำเนิดย่อมไม่ได้มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน”สำนักสงฆ์สามแสงธรรม” ตั้งอยู่ที่ ทางขึ้น อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ในตำบลเนินเพิ่ม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลกอาคาร “อนุสรณ์สถานวีรชนสามจังหวัด” เป็นที่จัดแสดง รายชื่อวีรชนผู้อยู่ที่ในเหตุการณ์ สัญลักษณ์ต่าง ๆและการรวบรวมเรื่องราวความคิด ที่แสดงออกถึงความเสียสละ ข้อคิด ของแหล่งเรียนรู้ของเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเสมือนเครื่องเตือนสติให้บุคคลรุ่นหลังได้ศึกษา พึงระลึกถึงความคิดและการกระทำในอดีตของเหล่าวีรชนคนกล้าที่ได้แสดงออกมาถึงความทุ่มเทและความเสียสละ ไม่ว่าเป้าหมายของเหล่าวีรชนจะเป็นลักษณะใดก็ตามอาคารพิพิธภัณฑ์ “มหาพิหารสามแสงธรรม” ภายในเป็นสถานแหล่งเรียนรู้ เหตุการณ์ทั้งหมด รูปภาพ ชีวประวัติของเหล่าวีรชนคนกล้า อย่าง แกนนำ คุณเสกสรรค์ ประเสริฐกุลนอกจากนี้จะด้านบนของอาคารยังเป็นที่ประดิษฐาน ของพระพุทธรูป “พระพุทธสัตตมณีศรีแสงธรรม” จากหินแกรนิตสีนิจหรือดำ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพและกราบไหว้ของ “สำนักสงฆ์สามแสงธรรม”“โรงเรียนการเมืองการทหาร ที่ตั้งอยู่บนภูหินร่องกล้า” แหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ของวีรชน การใช้ชีวิตเพื่อความอยู่รอดกับการทุ่มเทและความเสียสละ เรื่องเล่าและวิถีชีวิต หังเหตุการณ์ 14 ตุลา และ 6 ตุลา รวมถึงบ้านพักอาศัย รถแทรคเตอร์ ที่ชิ้นส่วนบางชิ้น ถูกน้ำไปสร้างกังหันน้ำ สำหรับการเพาะปลูกและการดำรงชีวิตใน ภูหินร่องกล้า ณ ขณะนั้น ซึ่งเหตุการณ์ ณ ตอนนั้นทำให้มีบุคคลเฝ้ายาม ตลอด 24 ชั่วโมงนอกจากนี้ ยังมีแหล่งเรียนรู้เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ที่ซ้อนตัวอยู่ภายใน “โรงเรียนการเมืองการทหาร” ที่ตั้งอยู่ภายในบนภูหินร่องกล้าด้วย อุดมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่สรรพคุณมีประโยชน์ แหล่งสวนสมุนไพร ก้อนหินขนาดใหญ่ ที่เป็นเครื่องแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติอย่างมากจุดมหัศจรรย์แห่งหนึ่งของภูหินร่องกล้า ที่ธรรมชาติเป็นผู้สรรค์สร้าง ซึ่งมีความเกี่ยวของกับเหตุการณ์ 14 ตุลาและ 6 ตุลา เป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ ซึ่งใช้เป็นฐานตั้งมั่นของเหล่าวีรชน นั่นก็คือ “ลานหินแตก” ลักษณะเป็นรอยแตกเป็นร่อง มองดูคล้าย ๆ กับแผ่นดินแยกออกจากกัน บางรอยแตกก็มีขนาดใหญ่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการเดินบางช่วงของรอยแตกก็มีขนาดแคบ สามารถให้คนก้าวข้ามได้อย่างสบาย ๆ มาแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ดินแดน 14 ตุลา และต่อเนื่องมาถึง 6 ตุลา สถานที่ให้ความรู้และอนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์เป็นเครื่องเตือนสติและได้รับรู้ถึงความเสียสละของวีรชน ให้ประวัติศาสตร์ในอดีตเป็นเสมือนเครื่องจารึกในจิตใต้สำนึก แม้เป้าหมายในการดำรงชีวิตอาจจะแตกต่างกัน แต่ความคิดของท่านเหล่าวีรชนก็สอนในเรื่องความเสียสละสำหรับคนไทยทุกคนที่ได้เกิดในพื้นแผ่นดินไทย ควรมีความเสียสละ รักในสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ได้ทำประโยชน์ดี ๆ เพื่อพื้นแผ่นดินที่อยู่อาศัยของเรา เครดิตภาพทั้งหมด “ภาพถ่ายโดยผู้เขียน”