ขีดเส้นตรวจนอมินี 4.6หมื่นรายใน1เดือน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เป็นประธานการประชุม ร่วมกับ 17 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยว่า 

ที่ประชุมได้กำหนดกรอบการทำงานของคณะทำงานเพื่อปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมาย (ระดับจังหวัด) เร่งรัดดำเนินการตรวจสอบนิติบุคคลกลุ่มเสี่ยง ที่มีคนต่างด้าวถือหุ้นตั้งแต่ร้อยละ 0.001-49.99 จำนวน 46,918 ราย ให้แล้วเสร็จตั้งแต่ 1 เดือน ไปจนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับจำนวนนิติบุคคลที่มีอยู่ในแต่ละจังหวัด         

ทั้งนี้ ได้กำหนดกรอบระยะเวลา โดยจังหวัดที่มีนิติบุคคลเสี่ยง 1-35 ราย จำนวน 48 จังหวัด จะต้องตรวจสอบให้เสร็จภายใน 1 เดือน นิติบุคคล 36-100 ราย จำนวน 11 จังหวัด ตรวจภายใน 2 เดือน นิติบุคคล 101-400 ราย จำนวน 6 จังหวัด ตรวจภายใน 3 เดือน นิติบุคคล 401-900 ราย จำนวน 4 จังหวัด ตรวจภายใน 6 เดือน

ส่วน นิติบุคคล 901-6,500 ราย จำนวน 3 จังหวัด ตรวจภายใน 6-9 เดือน และนิติบุคคล 6,501-15,000 ราย จำนวน 4 จังหวัด ตรวจภายใน 1 ปี โดยให้มีทีมจากส่วนกลางเข้าไปร่วมตรวจสอบด้วย          

สำหรับจังหวัดที่มีนิติบุคคลเสี่ยงสูงสุด 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี 14,264 ราย กรุงเทพมหานคร 10,193 ราย สุราษฎร์ธานี 7,096 ราย และภูเก็ต 6,682 ราย

ส่วนผลการแก้ไขปัญหาสินค้านำเข้าไม่มีคุณภาพมาตรฐานจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ตั้งแต่ ก.ย.2567-31 พ.ค.2568 ได้เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สินค้านำเข้ามูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท ได้ 1,870 ล้านบาท เข้มงวดมาตรฐานสินค้า 

โดยดำเนินคดี 57,739 คดี มูลค่าความเสียหาย 2,287.64 ล้านบาท ใช้มาตรการ Notice & Takedown โดยตรวจสอบ 38,473 รายการ/เว็บไซต์ ตรวจสอบแล้วไม่เข้าข่ายกระทำผิด 23,217 รายการ/เว็บไซต์ แจ้งเตือน (Notice) 15,256 รายการ/เว็บไซต์ และถอดสินค้าออก (Takedown) 14,976 รายการ/เว็บไซต์

ด้านนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ภายใน 6 เดือนจะตรวจสอบธุรกิจเสี่ยงนอมินีครอบคลุม 69 จังหวัด ส่วนอีก 7 จังหวัด ที่มีบริษัทมาก จะมีทีมจากส่วนกลางเข้าไปสนับสนุน และกำหนดตรวจให้เสร็จภายใน 1 ปี 

และจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบธุรกิจที่จะจัดตั้งใหม่ รวมทั้งผลักดันเพิ่มความผิดมูลฐานภายใต้กฎหมาย ของ ปปง. เพื่อให้มีการยึดหรืออายัดทรัพย์ของผู้กระทำความผิด