รมว.กลาโหมสหรัฐฯ ประกาศฟื้นซ้อมรบ "สหรัฐฯ - กัมพูชา" หลังยุตินาน 8 ปีจากปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชน

พีธ เฮกเซธ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศนอกรอบการประชุมด้านความมั่นคง หรือ Security summit ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีเมื่อวานนี้ (31 ตุลาคม) ว่าจะฟื้นการซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐฯ และกัมพูชา ที่มีชื่อว่า “Angkor Sentinel” อีกครั้ง หลังจากการซ้อมรบดังกล่าวถูกพักไปนาน 8 ปี ตั้งแต่ปี 2017 หลังจากสหรัฐฯ วิจารณ์ปัญหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกัมพูชาที่รุนแรงมากขึ้นและความถดถอยของระบอบประชาธิปไตยในกัมพูชา

สื่อต่างประเทศรายงานว่าการประกาศของเฮกเซธ ถือเป็นการเปิดฉากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับกัมพูชาอีกครั้ง หลังจากที่เฮกเซธเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวและได้หารือในระดับทวิภาคีกับรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา โดยที่ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงหลายประเด็นที่ถูกจับตามองอย่างมาก ซึ่งตามเอกสารสรุปการหารือที่ถูกเผยแพร่ออกมายังระบุว่า เฮกเซธจะร่วมเดินทางไปเยือนฐานทัพเรือเรียม (Ream Naval Base) ของกัมพูชาระหว่างการเทียบท่าของเรือรบสหรัฐฯ ด้วย หลังจากสหรัฐฯ เกิดความกังวลมานานหลายปีว่าจีนอาจได้รับสิทธิ์เข้าถึงทางทหารแต่เพียงผู้เดียวในฐานทัพเรือแห่งนี้รวมถึงความกังวลว่าฐานทัพเรือเรียมอาจกลายเป็นฐานทัพหน้าแห่งแรกของจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ในที่สุด

ขณะเดียวกัน ระหว่างร่วมประชุมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ พีท เฮกเซธ ยังได้พบปะบรรดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจากชาติสมาชิกอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียนรวมถึง "พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์" รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของไทยและได้มีการหารือในระดับทวิภาคีร่วมกัน โดยเฮกเซธได้โพสต์ข้อความบน X ว่าการหารือกับพลเอกณัฐพลนั้นน่ายินดี สหรัฐฯ และไทยกำลังเสริมสร้างพันธมิตรอันยาวนานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในเชิงปฏิบัติการร่วมกัน  อีกทั้งยังมุ่งพัฒนาความร่วมมือในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและขยายการฝึกอบรมด้านกลาโหมมิติใหม่ ๆ ในอนาคตด้วย ซึ่งเฮกเซธยังได้กล่าวชื่นชมไทยในการลงนามสันติภาพครั้งประวัติศาสตร์กับกัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์โดยมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นสักขีพยานด้วย