แพปลา‘ระนอง’ผุดไอเดีย ชงรัฐสร้างห้องเย็นไซซ์ใหญ่ พยุงสินค้าทะเลไทยฝ่าวิกฤต

จากวิกฤตการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้นที่ จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นตลาดศูนย์กลางอาหารทะเลขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้ส่งผลกระทบไปยังต้นทางของอาหารทะเลทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จังหวัดระนอง ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งจับสัตว์น้ำทะเลแล้วยังเป็นจุดรับสินค้าทะเลนำเข้าจากต่างประเทศด้วย ซึ่งตั้งแต่สมุทรสาครสั่งล็อกดาวน์ทำให้สินค้าค้างอยู่ภายในจังหวัดเป็นจำนวนมาก ต้องหาช่องทางในการระบายสินค้าออก ในขณะที่ห้องเย็นมีไม่เพียงพอต่อการเก็บรักษาสินค้า

นางเจียมจิตร บุญประเสริฐ เจ้าของแพปลาแห่งหนึ่งในจังหวัดระนอง กล่าวว่า ขณะนี้ที่แพปลาในระนองต้องหาช่องทางในการระบายสินค้าออกไปให้ได้มากที่สุดในช่องทางอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นทาง จ.เพชรบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ หรือจะลงไปทางใต้ออกมาเลเซีย ก็ต้องพยายามทุกวิถีทาง เพราะเรามีที่สำหรับเก็บรักษาไม่เพียงพอ ในส่วนสินค้าทะเลล็อตใหม่ที่จะมีการนำเข้ามานั้นก็ได้สั่งหยุดไว้ก่อนชั่วคราว เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นมากกว่าเดิม ซึ่งสินค้าอาหารทะเลจะแยกเป็น 2 ตลาด คือตลาดผู้บริโภคทั่วไปราว 30% และอีก 70% จะเป็นสินค้าที่ป้อนให้โรงงานอุตสาหกรรม หรือเพื่อการแปรรูป

นางเจียมจิตร กล่าวอีกว่า วิกฤตหลายครั้งที่ทำให้สินค้าทะเลออกจากพื้นที่จังหวัดไม่ได้ หรือตลาดปลายทางมีปัญหาแล้วเราส่งไปไม่ได้ ได้สร้างความเสียหายกับผู้ประกอบการประมงและต่อเนื่องประมงเป็นวงกว้าง ตนมองว่าสิ่งหนึ่งที่จะช่วยภาคประมงได้คือห้องเย็นขนาดใหญ่ที่จะสามารถเก็บรักษาสินค้าทะเลไว้ให้ได้นานที่สุดในทุกครั้งที่เกิดวิกฤต เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย หรือเสียหายน้อยที่สุด ซึ่งห้องเย็นนั้นนอกจากช่วยแก้ไขปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้นในลักษณะแบบนี้แล้ว ยังสามารถช่วยพยุงราคาหรือรักษาเสถียรภาพของสินค้าประมงได้เป็นอย่างดีในช่วงที่สินค้าประมงราคาตกต่ำ ชาวประมงก็สามารถนำไปเก็บรักษาไว้ในห้องเย็นได้ เมื่อถึงห้วงเวลาที่ราคาดีขึ้นก็สามารถนำออกมาจำหน่ายได้ในราคาดีเหมือนเดิม จึงอยากเห็นภาพการส่งเสริมจากภาครัฐมาสนับสนุนการลงทุนสร้างห้องเย็นขนาดใหญ่ ซึ่งอาจต้องใช้เงินลงทุนราว 500 ล้านบาท ต่อไปเมื่อมีการเปิดทุกมุม เปิดทุกด่าน สิ่งสำคัญที่สุดคือห้องเย็น

“คำว่าประมงนั้น อย่ามองแค่เรือที่ออกไปหาอาหารทะเล เพราะคำว่าประมงนั้นกว้างกว่านั้นเยอะ กว่าที่เรือจะออกไปหาปลาต้องมีการใช้จ่ายซื้อของลงเรือเป็นเงินนับแสนบาทต่อลำ เมื่อเรือเข้ามาแล้วก็จะเกิดการกระจายสินค้า มีการส่งไปตามพื้นที่ต่างๆ ภายในประเทศ มีการส่งออก พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยนำไปขายต่อ ธุรกิจต่อเนื่องประมงมีการขยับ ห่วงโซ่ที่เกาะเกี่ยวกับภาคประมงขยับทั้งหมด ภาคประมงเป็นส่วนที่ขับเคลื่อนให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจที่มหาศาลมาก อยากให้ทางภาครัฐหันมามองและให้ความสำคัญมากกว่านี้ และในวิกฤตที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ก็ไม่อยากให้ไปโทษใครหรืออะไรเป็นต้นเหตุของวิกฤตโควิดรอบใหม่ แต่อยากให้ทุกคนช่วยกันขับเคลื่อนและเดินหน้าฝ่าวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน”

นางกรรณิการ์ เอี้ยวตระกูล นายกส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง กล่าวว่า ขณะนี้ภาคท่องเที่ยวเริ่มได้รับผลกระทบ มีการยกเลิกทริปท่องเที่ยว ห้องพัก ร้านอาหารเข้ามาเป็นระยะๆ เพราะกลัวเรื่องโควิด ตนอยากให้เข้าใจว่าระนองเรามีมาตรการป้องกันเป็นอย่างดี ในตอนนี้ก็มีการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็งของทุกภาคส่วนในการช่วยกันดูแลและป้องกัน ซึ่งในส่วนของการท่องเที่ยวนั้นเรามีคนนำเที่ยวหรือมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่จะนำไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ตามมาตรการนิว นอร์มอล ซึ่งจะไม่เข้าไปยังพื้นที่เสี่ยง หรือมีความแออัด สำหรับจังหวัดระนองมีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาทำงานอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคประมงและธุรกิจต่อเนื่องประมง

สำหรับวิกฤตโควิดที่เกิดขึ้น ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระนองได้เปิดให้ผู้ที่เดินทางกลับมาจากจังหวัดสมุทรสาครลงทะเบียนและรายงานตัว จึงอยากให้นักท่องเที่ยวทุกคนมาเที่ยวระนองได้อย่างสบายใจตามมาตรการนิวนอร์มอลด้วย