รีเซต

BGRIMได้เวลาสะสม เสี่ยงต่ำเป้าไกล64บ.

BGRIMได้เวลาสะสม เสี่ยงต่ำเป้าไกล64บ.
ทันหุ้น
12 มีนาคม 2564 ( 08:45 )
41

ทันหุ้น – BGRIM ถอยลงมารับ โบรกชี้ราคาสุดถูกท่ามกลางผลงานโตต่อเนื่อง ชี้กังวลอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่วิ่งเร็ว แต่ราคาหุ้นลงมากเกินไป เปิดอนาคตโตต่อเนื่อง 22% ถึงปี 2565 ขณะที่เป้ากำลังการผลิต 7,200 MW ปี 2568 แนะทยอยสอยให้เป้าสูง 64 บาท/หุ้น

 

บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBS ระบุว่าราคาหุ้น BGRIM ปรับตัวลดลง 12%ในช่วง 1เดือนที่ผ่านมา underperform SET (+2%) และหุ้นโรงไฟฟ้าในประเทศไทย (-6%โดยเฉลี่ย) ทั้งๆ ที่กำไรสุทธิจากการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2563 ซึ่งน่าจะมีสาเหตุมาจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่สูงขึ้นและการใช้เงินลงทุนจำนวนมากเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น2เท่า

 

อีกทั้งความสนใจที่ตลาดมีต่อบริษัทที่ประกอบธุรกิจสาธารณูปโภคก็น่าจะลดน้อยลงด้วยเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เรามองว่าราคาหุ้นลดลงมากเกินไป เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของกำไรปี 2564-66ที่ CAGR 22%ในปี 2563-2565โดยได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น และยอดขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรม (กลุ่มที่ให้มาร์จิ้นสูง) ที่สูงขึ้น ราคาเป้าหมายของเราที่ 64บาท/หุ้น อ้างอิงวิธี DCF โดยพิจารณาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่มั่นคงและเข้ามาอย่างสม่ำเสมอจาก PPA ระยะยาว

 

@คว้าโรงไฟฟ้าต่อเนื่อง

 

คงเป้าขยายกำลังการผลิต BGRIM ยังคงเป้าขยายกำลังการผลิตสู่ 7.2GW ภายในปี 2568 โดยกำลังการผลิตติดตั้งจะเติบโตที่ CAGR 19%และกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น (อ้างอิงสัดส่วนการถือหุ้น 60%ในโครงการใหม่) จะเติบโตที่ CAGR 18% BGRIM คาดว่าจะได้ข้อสรุปโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอย่างน้อย 2 โรงในปี 2564 ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิต 150MW ในเกาหลีใต้ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล กำลังการผลิต 120MW ในเวียดนาม

 

นอกจากนี้ยังมีอัพไซด์จะเกิดจากโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงที่ดำเนินงานแล้วในมาเลเซีย และโครงการ LNG-to-power ในเวียดนาม บริษัทยืนยันว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ได้จากโครงการที่ดำเนินงานแล้วและความสามารถในการก่อหนี้ยังคงเพียงพอที่จะสนับสนุนโครงการลงทุนในอนาคตมูลค่า 1 แสนล้านบาท โดยไม่ต้องเพิ่มทุน

 

การผนึกกำลังและการจับมือกับพันธมิตรเป็นปัจจัยสำคัญ ผู้บริหารเปิดเผยว่าโอกาสลงทุนใหม่ในธุรกิจสาธารณูปโภคยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจไฟฟ้าในเมียนมา โครงการผลิตไฟฟ้าป้อนตลาดอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมอื่นๆ และระบบ energy trading และ smart microgrid ความสำเร็จของธุรกิจเหล่านี้จะต้องพึ่งพาการจับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ เช่น PTT ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ กฟภ. นอกจากนี้บริษัทจะใช้ประโยชน์จากการผนึกกำลังระหว่างบริษัทในเครือกลุ่มบี.กริม เพื่อขยายธุรกิจ

 

@ นำเข้า LNG ครึ่งปีหลัง

 

สำหรับการนำเข้า LNG เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงป้อนให้กับโรงไฟฟ้า SPP คาดว่าจะเริ่มในครึ่งปีหลัง 2564 หลังจากได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดสรรถังเก็บ LNG และท่อก๊าซ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้อนุญาตให้ BGRIM นำข้า LNG ปริมาณ 250,000ตันต่อปี ในรูปแบบตลาดจร (spot) เป็นเวลา 2 ปี จากนั้นจะอนุญาตให้นำเข้า LNG เพิ่มขึ้นเป็น 650,000ตันต่อปี เพื่อป้อนเป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้า SPP Replacement ตั้งแต่ปี 2565  ซึ่งการที่ราคา LNG ต่ำกว่าราคาก๊าซในประเทศทุกๆ 1ดอลลาร์/mmbtu จะช่วยให้บริษัทประหยัดต้นทุนการดำเนินงานได้ 15ล้านบาท/ปี และจะเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านบาท/ปี เมื่อโครงการโรงไฟฟ้า SPP Replacement เริ่มดำเนินการ

 

บริษัทได้กำหนดเพดานอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนไว้ที่ 2เท่า อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนเพิ่มขึ้นจาก 1เท่า ณ สิ้นปี 2562 สู่ 1.5เท่า ณ สิ้นปี 2563 ยังต่ำกว่าระดับ 3เท่าสำหรับธุรกิจสาธารณูปโภคซึ่งโดยปกติแล้วมักจะใช้สินเชื่อโครงการเป็นเงินทุนสำหรับโครงการลงทุนใหม่ เป้าหมายภายในยึดหลักระมัดระวังมากกว่าที่ ต่ำกว่า 2เท่าในระยะยาว ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอาจจะสูงกว่าเป้าดังกล่าวเป็นเวลาสั้นๆ ในช่วงที่ขยายการลงทุน ต้นทุนทางการเงินอยู่ในระดับต่ำที่ 3.5-4%โดยเกิดจากการที่ ADB เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน

 

ราคาเป้าหมายที่ 64บาท อ้างอิงวิธี DCF เมื่อพิจารณาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอจากธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP และไอน้ำ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง