ล็อกดาวน์ทั่วโลกปล่อยมลพิษลด 7% มากสุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมองค์กรโครงการคาร์บอนโลกเปิดเผยข้อมูลในรายานประจำปีว่า การปล่อยก๊าซคาร์บอนลดลง 7 เปอร์เซ็นต์ในปี 2563 เนื่องจากหลายประเทศมีการล็อกดาวน์และจำกัดการเดินทางช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
การปล่อยก๊าซคาร์บอนลดลงประมาณ 2,400 ล้านตัน ซึ่งถือเป็นการลดการปล่อยก๊าซมากที่สุดตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ 900 ล้านตัน และมากกว่าปี 2552 ที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่ลดไป 500 ล้านตันต่อปี
รายงานเปิดเผยว่าการปล่อยมลพิษจากพลังงานฟอสซิลและอุตสาหกรรมอยู่ที่ราว 34,000 ตันในปีนี้ ถึงแม้จะลดลงเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ถือว่ายังมากเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณงบประมาณคาร์บอนไดอ็อกไซด์ที่สามารถปล่อยได้
ในปีนี้สหรัฐปล่อยมลพิษลดลงมากที่สุดที่ 12 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสหภาพยุโรปลดลง 11 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่จีนปล่อยมลพิษลดลงเพียง 1.7 เปอร์เซ็นต์ เป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้เร็วกว่า ส่วนการที่ปล่อยมลพิษที่ลดลงเป็นผลมาจากการเดินทางด้วยรถยนต์ที่ลดลงกว่าครึ่งในช่วงเดือนเมษายนที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก ต่อมาในเดือนธันวาคมการปล่อยมลพิษจากการเดินทางทางบกลดลง 10 เปอร์เซ็นต์และการเดินทางทางอากาศลดลง 40 เปอร์เซ็นต์ การปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมลดลง 22 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลก และลดลง 30 เปอร์เซ็นต์ในบางประเทศที่มีมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด
ปกติผลการวิจัยจะถูกนำเสนอในการประชุมสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติแต่เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงทำให้ถูกเลื่อนไปยังปี 2564