ผักตบชวา พืชน้ำบำบัดน้ำเสีย ประโยชน์และแนวทางการนำมาใช้ผักตบชวาเป็นพืชที่หลายคนมองว่าเป็นปัญหา เพราะบางคนเรียกว่า "วัชพืชลอยน้ำ" แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งมองเห็นประโยชน์และสามารถเอาประโยชน์จากผักตบชวาได้แบบจริงจังจนน่าเหลือเชื่อค่ะ ซึ่งในบทความนี้ผู้เขียนขอพูดถึงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำเสียนะคะ เพราะโดยส่วนตัวมีโอกาสได้เกี่ยวข้องกับกรณีมาค่อนข้างมาก เลยอยากมาส่งผลข้อมูลดีๆ ทิ้งไว้ในบทความนี้ เพื่อเป็นบทเรียนสำหรับคนที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมค่ะ เพราะผู้เขียนมองว่าผักตบชวาในประเทศไทยยังสามารถเกิดประโยชน์ โดยเฉพาะการนำมาใช้เพื่อการบำบัดน้ำเสีย ผักตบชวาเป็นพืชลอยน้ำที่มีส่วนของลำต้นและใบลอยอยู่เหนือผิวน้ำค่ะ และมีส่วนรากจมอยู่ใต้น้ำคอยดูดซับสารอาหารในน้ำไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของต้น เพราะรากเปรียบเสมือนทหารด่านหน้าที่ต้องคอยสอดส่องว่าตรงไหนมีสารอาหารและดูดซับสารอาหารไปใช้ประโยชน์ ที่ควบคู่กันกับการสังเคราะห์แสงของพืชโดยมีคลอโรฟิลล์ทำหน้าที่เป็นหลัก จึงทำให้ผักตบชวาต้นหนึ่งสามารถมีชีวิตอยู่ได้ แต่ผักตบชวาก็ไม่ได้อยู่ยงคงกระพันตลอดไปนะคะ เพราะผู้เขียนพบว่าถ้าต้นผักตบชวาต้นไหนแก่ผักตบชวาต้นนั้นจะเน่าเปื่อยและตายไป กับผักตบชวาบางส่วนที่ลอยไปติดริมตลิ่งที่เป็นดินพอถึงจุดหนึ่งผักตบชวากลุ่มนี้จะตายลงเหมือนกันค่ะ และต่อจากที่ผักตบชวาเป็นพืชลอยน้ำนั้น จึงทำให้ในงานบำบัดน้ำเสียมักเลือกใช้ผักตบชวา โดยเฉพาะระบบบำบัดน้ำเสียแบบสระพักน้ำผันสภาพ (Oxidation pond) และบึงประดิษฐ์ (Constructed Wetland) ค่ะ เพราะผักตบชวามีความสามารถในการกำจัดสารอินทรีย์ในน้ำเสียได้เป็นอย่างดี จริงๆ ถ้าคุณผู้อ่านมีโอกาสได้ยกต้นผักตบชวาที่อาศัยอยู่ในน้ำที่มีความลึกมาก จะได้เห็นกับตาของตัวเองว่าผักตบชวาต้นนั้นมีรากที่ยาวมากจนน่าตกใจค่ะ ซึ่งข้อมูลนี้จริงค่ะเพราะผู้เขียนมีโอกาสเห็นการเจริญเติบโตของผักตบชวาจากหลากหลายสถานการณ์มาแล้ว ดังนี้ค่ะผักตบชวาในสระพักน้ำผันสภาพ มีความยาวของรากมากกว่า 20 เซนติเมตรผักตบชวาในบึงประดิษฐ์มักมีความยาวของรากน้อยกว่าผักตบชวาในสระพักน้ำผันสภาพ เพราะมีระดับที่น้ำขังในบึงประดิษฐ์ปกติตื้นกว่าในสระพักน้ำผันสภาพผักตบชวาในห้วยตามธรรมชาติในส่วนน้ำไหลมักมีรากยาวกว่าผักตบชวาชายน้ำค่ะผักตบชวาที่ลอยเกยตื้นมักมีรากสั้นและฝังรากลงลึกไปในดินนอกจากจะพบว่ารากยาวต่างกันแล้วนะคะ สภาพของผักตบชวาก็ต่างกันไปด้วย จากที่ผักตบชวาสามารถพัฒนารากตามความยาวของชั้นน้ำได้นั้น ทำให้พอเรานำผักตบชวามาใส่ไว้ในสระพักน้ำผันสภาพหรือบึงประดิษฐ์ จึงทำให้คุณภาพน้ำดีขึ้นได้เป็นอย่างมากค่ะ เพราะอย่างแรกผักตบชวามีการสังเคราะห์และได้ออกซิเจนละลายน้ำ (Dissolved Oxygen; DO) เพิ่มขึ้น การที่น้ำมีค่าดีโอเพิ่มขึ้นสามารถไปส่งเสริมให้กระบวนการย่อยสลายสารอินทรีย์แบบใช้อากาศให้เกิดได้อย่างสมบูรณ์ จึงทำให้สารอินทรีย์ในน้ำเสียถูกเปลี่ยนรูปไปอยู่ในรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ได้ เช่น ไนเตรต ฟอสเฟต จากนั้นผักตบชวาจึงดูดซับสารอาหารเหล่านี้ไปใช้ในการเจริญเติบโตค่ะ✅️ซึ่งคนส่วนใหญ่มักมองภาพไม่ออกว่าทำไมต้องเลี้ยงผักตบชวาไว้ เพราะเราไม่ได้นำของเสียในน้ำเสียออกโดยตรงด้วยการไปจับออก การกรองหรืออื่นๆ ในลักษณะนี้ค่ะ แต่เราใช้วิธีการทางอ้อมโดยใช้ความสามารถของผักตบชวา และผักตบชวาเป็นพืชที่เหมาะสมมากในการนำมาบำบัดน้ำเสียค่ะ เพราะมีความทนทานต่อความเข้มข้นของๆ เสียที่มากในช่วงเวลาหนึ่งได้ ซึ่งถ้าเทียบกับพืชชนิดอื่นเมื่อระบบบำบัดน้ำเสียมีของเสียเข้ามาในระบบจำนวนมาก หรือมีสารเคมีบางตัวที่มีความเป็นกรดหรือด่างสูงมาก ผักตบชวาจะรอดแต่พืชชนิดอื่นมีความอ่อนไหวมากกว่าค่ะ🆗️แต่ในบางครั้งการนำผักตบชวามาใช้ในระบบบำบัดน้ำเสียก็สามารถพบโรคระบาดได้ จากที่เคยมีประสบการณ์มานะคะหนอนมักมากัดกินใบของผักตบชวา และสถานการณ์นี้จะทำให้ประสิทธิภาพในการบำบัดด้วยผักตบชวาลดลงทันที เพราะอย่าลืมว่าเราอาศัยการสังเคราะห์แสงเพื่อให้ได้ออกซิเจนละลายน้ำ ถ้าผักตบชวามีพื้นที่ๆ มีคลอโรฟิลล์น้อย กระบวนการสังเคราะห์แสงก็เกิดขึ้นต่ำ น้ำจึงมักมีค่าดีโอต่ำตามมา หากเจอแบบนี้เรามีความจำเป็นต้องนำพืชชนิดอื่นมาบำบัดน้ำเสียแทนไปก่อนค่ะ เช่น จอกผักกาด กกอียิปต์ เตยหอม เป็นต้น แต่ถ้าจุดนั้นมีของเสียในน้ำมากมีความจำเป็นต้องเพิ่มการเติมอากาศด้วยเครื่องกลไฟฟ้าเพิ่มเติมไปก่อนค่ะ เพราะไม่เช่นนั้นจะมีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์รบกวนในบริเวณใกล้เคียง โดยเฉพาะในเวลากลางคืนจนถึงเช้าตรู่🆗️สำหรับแนวทางในการนำผักตบชวามาใช้เพื่อบำบัดน้ำเสียนั้นมีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องเข้าใจวิธีการนำมาใช้ค่ะ อย่างแรกนั้นต้องนำผักตบชวาในช่วงโตเต็มวัยมาใส่ในระบบบำบัดน้ำเสีย เพราะผักตบชวาที่อ่อนเกินไปหรือแก่เกินไปมักให้ประสิทธิภาพการบำบัดต่ำ ลองนึกภาพว่าเราใช้แรงงานเด็กและคนแก่ค่ะ ที่ไม่มีทางจะสู้คนหนุ่มคนสาวได้ ก็เหมือนกันค่ะหลักการนี้ก็เกิดขึ้นด้วยกับการนำผักตบชวามากำจัดของเสียในน้ำ และต้องมีการจำกัดพื้นที่ของผักตบชวาค่ะ ด้วยการทำทุ่นลอยน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือสี่เหลี่ยมจตุรัสก็ได้ค่ะ จากการใช้ท่อพีวีซีที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ต่อกัน 2 ชั้น ก็เพียงพอแล้วสำหรับทำทุ่น แต่จะใช้ท่อขนาดใหญ่กว่านี้ก็ได้ค่ะแต่ไม่ควรใหญ่เกินความจำเป็น โดยท่อพีวิซีต้องทากาวประสานท่อให้ดี ไม่เช่นนั้นท่อจะหลุดและทุ่นพัง จากนั้นจะทำให้ผักตบชวากระจายไปทั่วทั้งบ่อ และงานช้างก็จะเข้าค่ะ เพราะผักตบชวาโตเร็วมากในน้ำเสีย และบางแห่งทุ่นนี้ต้องอยู่กลางบ่อก็ไม่ง่ายในการจัดการตอนท่อหลุดแน่นอน‼️การใช้ผักตบชวาบำบัดน้ำเสียเป็นหนึ่งส่วนในหลายๆ ส่วนที่อาศัยกระบวนการต่างกันค่ะ จึงทำให้น้ำดีขึ้นได้ และข้อสำคัญอีกอย่างคือภายในบ่อที่ใช้ผักตบชวาต้องไม่ใช้ผักตบชวาเต็มพื้นที่ของบ่อ เพราะเรายังต้องการแสงแดดเพื่อส่องถึงไปยังชั้นน้ำที่ต้องการออกซิเจนค่ะ เพราะในน้ำยังมีสาหร่าย (Algae) ที่เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวเจริญเติบโตอยู่ หากผักตบชวาลอยเต็มไปหมดจะทำให้น้ำขาดอากาศมาก และน้ำจะมีคุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร และการพบว่ามีผักตบชวาแก่ในระบบต้องเก็บผักตบชวาต้นนั้นออกค่ะ โดยอาจเก็บทิ้งเฉพาะต้นที่แก่และคงเหลือไว้ต้นอ่อนจากไหลของต้นผักชวาเพื่อให้ผักตบชวาต้นนั้นไปเจริญเติบโต การไม่เก็บผักตบชวาต้นแก่มีผลทำให้น้ำเสียมากขึ้นจากการเน่าเปื่อยของผักตบชวาค่ะ และนอกจากผักตบชวาจะทำให้สารอินทรีย์ในรูปที่ละลายน้ำหายไปได้แล้ว ในบางครั้งแหนเป็ดเล็กมักเป็นปัญหาเพราะควบคุมยาก ซึ่งการนำผักตบชวามาใส่ในระบบบำบัดน้ำเสียสามารถทำให้ควบคุมการเจริญของแหนเป็ดเล็กได้ดี และสามารถควบคุมแหนเป็ดใหญ่และวัชพืชน้ำขนาดเล็กชนิดอื่นๆ ได้ด้วยค่ะเครดิตภาพประกอบบทความภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดย ผู้เขียนออกแบบภาพหน้าปกใน Canvaบทความอื่นที่น่าสนใจค่า BOD กับปริมาณของเสียในน้ำ เกี่ยวข้องยังไง!? การย่อยสลายสารอินทรีย์แบบไม่ใช้อากาศ กลิ่นเหม็นและแนวทางการแก้ไขจอกผักกาด พืชน้ำสำหรับเลี้ยงปลา บำบัดน้ำเสีย จัดสวนและขายได้ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !