ตะลึง!ซุกเงินเต็มกล่อง 10 ล้าน จับ 2 หนุ่มรับขนข้ามแดนเดือนละ 150 ล้าน
จับ 2 หนุ่มขนเงินข้ามแดน ซุกเป็นฟ่อนเต็มกล่องไปรษณีย์กว่า 10 ล้าน รับทุกวันจะมีเงินโอนเข้าบัญชีมีหน้าที่ถอนเงินส่งไปยังบริษัท 1 เดือนจะมียอดประมาณ 150 ล้าน
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ศตศักดิ์ พิมลทิพย์ ผกก.สภ.เชียงแสน พร้อมด้วย พ.ต.ท.กิตติภูมิ กันจินะ สว.สส.สภ.เชียงแสน นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายสุกันทา ภูมิพันธ์ อายุ 37 ปี ชาว จ.พะเยา และนายสมจิตร อินตะสอน อายุ 52 ปี บ้านอยู่เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว พร้อมของกลางเป็นธนบัตรใบละ 1,000 บาท จำนวน 5 มัด เป็นเงิน 5,490,000 บาท และธนบัตรใบละ 500 บาท อีก 4,500 บาท รวม 5,494,500 บาท รวมกว่า 10,984,500 บาท ยัดมาเต็มกล่องกระดาษ มาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
ภายหลังก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่า จะมีการลักลอบนำเงินจำนวนมากออกนอกประเทศ ข้ามแม่น้ำโขงไปยังฝั่งประเทศลาว โดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากรและทำกันเป็นขบวนการ จึงจัดกำลังชุดสืบสวนและชุดสายตรวจออกหาข่าว
กระทั่งพบนายสุกันทาหิ้วกล่องพัสดุของไปรษณีย์ไทย เดินลงไปยังท่าเรือจุดผ่อนปรนหน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน โดยมีเรือหางยาวสัญชาติลาว ซึ่งมีนายสมจิตรเป็นคนขับจอดรออยู่ เจ้าหน้าที่จึงเข้าล็อกตัวชายคนขับเรือ และชายเจ้าของกล่องพัสดุ และตรวจภายในกล่องไปรษณีย์พบธนบัตรของกลางทั้งหมดซุกซ่อนอยู่
สอบสวน นายสุกันทา ให้การว่า ทำงานให้กับบริษัทแห่งหนึ่งที่รับแลกเปลี่ยนเงิน ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ ในฝั่งสปป.ลาว ทุกวันจะมีเงินโอนเข้าสมุดบัญชีเงินฝากของตน แล้วตนจะมีหน้าที่ถอนเงินออกจากธนาคารแห่งหนึ่งในเชียงแสน แล้วนำเงินบรรจุลงกล่องพัสดุไปรษณีย์ ส่งไปยังบริษัท
โดยทางบริษัทจะจ้างเรือจากประเทศลาวมารับกล่องเงินทุกวัน ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเป็นเงินมาจากที่ใด เพียงแต่ตนได้รับเงิน ซึ่งตนจะได้รับเงินเดือนจากบริษัทเดือนละ 30,000 บาท แต่ละเดือนจะโอนเงินมาจำนวนหลาย 10 ครั้ง โดย 1 เดือนจะมียอดถอนเงินออกไปประมาณ 150 ล้านบาท
ส่วน นายสมจิตร เจ้าของเรือ เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนแล้ว และให้การเป็นประโยชน์กับรูปคดี ทางเจ้าหน้าที่จึงกันนายสมจิตรไว้เป็นพยาน ทั้งนี้ การส่งหรือนำเงินตราออกนอกประเทศ โดยนิติบุคคลรับอนุญาต และประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศไทย ในจำนวนไม่เกิน 2 ล้านบาทเท่านั้น
จากนั้นส่งนายสุกันทาให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เชียงแสน เพื่อให้ทางด่านศุลกากรเชียงแสนรับไปดำเนินคดีตามกฎหมายศุลกากรต่อไป