มารู้จักหลังคากันเถอะ หลังคามีหลายแบบมาก ถ้าเราสังเกตเวลาที่เดินไปตามซอยในหมู่บ้าน มักจะเจอหลังคาในแบบต่าง ๆ บางบ้านก็เป็นหลังคาแบนๆ บางบ้านก็เป็นหลังคาสูงๆ แอะ! แล้วหลังคาแต่ละแบบเนี่ย เรียกยังไงกันนะ? “หลังคา” ในสมัยอดีต หลังคาจะนิยมมุงด้วยใบ้ไม้ประเภทกรอง (หญ้า) คา หรือมุงใบจาก ใบกระท่อม และใบไม้อื่น ๆ มัดรวมกันเป็นผืนๆเรียกว่า “ตับ” แต่ก็จะมีวัด วัง บ้านขุนนาง บ้านชาวต่างชาติใช้กระเบื้องมุง สมัยโบราณมีการนำดินเผามารีดเป็นแผ่นๆ เพื่อใช้มุงหลังคา ทางภาคเหนือเรียกว่า “ดินขอ” เพราะส่วนปลายๆ จะพับเป็นขอเกี่ยวเอาไว้ยึดแผ่นต่อแผ่น แต่การนำหญ้าคามาใช้นี่เอง จึงเป็นต้นกำเนิดของหลังคา และมีวิวัฒนาการมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็น ไม้ ดินเผา ซีเมนต์ ฯลฯ สำหรับรูปแบบหลังคาที่นิยมนำมาสร้างบ้านเรือนในปัจจุบัน เช่น หลังคาปั้นหยา หลังคาจั่ว หลังคาเพิงหมาแหงน หลังคาสแลป รวมถึงหลังคาในรูปแบบอิสระต่าง ๆ การที่จะเลือกใช้หลังคาแบบใดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง รวมทั้งรูปแบบของอาคารประเภทต่าง ๆประเภทของหลังคาการเลือกรูปทรงหลังคานั้นยากกว่าที่คิด มีหลังคาหลายประเภทแตกต่างกันและทุกหลังคามีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว1. Gable roof หลังคาหน้าจั่ว คำว่า ' หน้าจั่ว ' หมายถึงจุดสามเหลี่ยมที่เกิดขึ้นเมื่อทั้งสองพื้นที่แหลมของหลังคาพบกัน มันเป็นหลังคาที่ได้รับความนิยมอย่างมาก สร้างง่ายระบายน้ำได้ดีช่วยในการระบายอากาศและสามารถนำไปใช้กับการออกแบบบ้านส่วนใหญ่ได้ภาพโดย ptra จาก Pixabay 2. Hip roof หรือ หลังคาปั้นหยา หลังคา Hip roof นั้นสร้างยากเล็กน้อยและมักจะมี 4 ด้าน มันเป็นตัวเลือกยอดนิยม แต่ไม่มีการระบาย ป้องกันแดดและฝนได้ทุกด้าน ทำให้ตัวบ้านไม่ปะทะกับลมฝนและแสงแดดที่มากเกินไป อีกทั้งยังเป็นหลังคาที่มีรูปทรงภูมิฐานมั่นคงสง่างามข้อเสีย ราคาแพง เพราะมีรายละเอียดมาก จุดเชื่อมต่อเยอะ อาจทำให้เกิดปัญหาการรั่วซึมได้ง่าย จำเป็นต้องใช้ช่างที่มีฝีมือพอสมควรในการก่อสร้างภาพโดย JamesDeMers จาก Pixabay 3.หลังคาแบน (Slab หรือ Flat roof) หลังคาแบนส่วนใหญ่ไม่ได้แบนจริง 100% เป็นหลังคาลาดต่ำที่มีลักษณะแบน แต่มีความลาดชันเล็กน้อยเพื่อให้น้ำไหลออกได้ แพร่เข้ามาในยุคของ Modern โดยสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยบนหลังคา ทำให้บ้านดูทันสมัยข้อเสีย ของหลังคาแบบ SLAB ส่วนมากจะทำด้วยคอนกรีตซึ่งจะทำให้สะสม ความร้อนในเวลากลางวันแล้ว พอตกกลางคืนอากาศเริ่มเย็นลง จะเกิดการคายความร้อนของคอนกรีตออกมา ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกร้อนอบอ้าวภาพโดย SatyaPrem จาก Pixabay 4. หลังคาเพิงแหงน (Lean-to Roof) หรือที่นิยมเรียกกันว่า หลังคาเพิงหมาแหงน มีลักษณะคล้ายกับหลังคาเรียบ แต่มีระยะห่างที่มากขึ้นมักใช้สำหรับการต่อเติมหรือรูปแบบหลังคาอื่น ๆ เพราะ ก่อสร้างง่าย รวดเร็ว และก็ประหยัดข้อเสีย มีความเสี่ยงในการเกิดการรั่วซึมได้มาก ระบายน้ำฝนได้ไม่ดี และหลังคาทั้งผืนต้องรับความร้อนตลอดทั้งวันภาพโดย Ron Porter จาก Pixabay 5. หลังคาทรงอิสระ (Free Form Roof) เป็นหลังคาที่ไม่อยู่ในรูปทรงเรขาคณิต ออกแบบมาเพื่อให้หลังคาและตัวอาคารมีความโดดเด่น วัสดุที่ใช้มุงจะต้องมีความยืดหยุ่นสูง พูดง่ายๆคือ สามารถบิดงอได้ข้อเสีย วัสดุมุงหลังคาหายาก นิยมสั่งจากต่างประเทศ มีราคาที่สูง รูปทรงหลังคาที่แปลกตาอาจทำให้เกิดการรั่วของหลังคาได้ง่าน ดังนั้นต้องใช้ช่างที่มีฝีมือและความชำนาญอย่างมากภาพโดย Falkenpost จาก Pixabay บางคนอาจจะยังไม่รู้หลังคามีหลายประเภทมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือวัสดุที่นำมาทำหลังคา ไม่ว่าจะสร้างบ้านแบบใด จะต้องคำนึงถึงรูปทรงหลังคา พิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียของหลังคานั้นๆ และเมื่อตัดสินใจไปแล้ว ถ้าจะแก้ไขก็ยาก จะเสียทั้งเงิน และเสียทั้งเวลา ถ้าจะให้ดี ควรปรึกษาสถาปนิก หรือผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของหลังคา เพราะจะได้เลือกรูปแบบของหลังคาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมที่สุดสำหรับสภาพอากาศของประเทศไทย ภาพหน้าปกโดย meineresterampe จาก Pixabay