ครม.อนุมัติตั้งกองทุน Thai ESG Extra หวังสิทธิประโยชน์ทางภาษีจูงใจนักลงทุนช่วยพยุงดัชนีหุ้น

ครม.อนุมัติตั้งกองทุน Thai ESG Extra หวังสิทธิประโยชน์ทางภาษีจูงใจนักลงทุนช่วยพยุงดัชนีหุ้น โดยกำหนดให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี 5 ปี วงเงิน 5แสนบาทสำหรับนักลงทุนรายเก่าที่ลงทุนในกองทุน LTF และ 3แสนบาทสำหรับนักลงทุนรายใหม่ โดยต้องลงทุนภายในเดือนพ.ค.-มิ.ย.นี้

#ทันหุ้น นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้(11 มี.ค.)ที่ประชุมอนุมัติการจัดตั้งกองทุน Thai ESG Extra เพื่อเป็นทางเลือกการลงทุนใหม่ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนLTF โดยกองทุนนี้ จะให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นระยะเวลารวม 5 ปี แก่นักลงทุนที่โยกเงินลงทุนจากกองทุน LTFมาลงทุนในกองทุน Thai ESG Extra และ นักลงทุนรายใหม่ที่เข้ามาลงทุนในกองทุนนี้

สำหรับนักลงทุนรายเก่าที่โยกเงินลงทุนจากกองทุน LTF มาลงทุนใหม่ในกองทุน Thai ESG Extraจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในวงเงิน 5 แสนบาท ซึ่งจะเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในปี 2568 จำนวน 3แสนบาท จากนั้น จะให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในปีที่ 2-5 จำนวน 5หมื่นบาทต่อปี ทั้งนี้ นักลงทุนจะต้องโยกเงินลงทุนใน LTF ทั้งหมดมาไว้ในกองทุน Thai ESG Extra

ส่วนนักลงทุนรายใหม่ที่จะมาลงทุนในกองทุน Thai ESG Extra นั้น จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในวงเงิน 3 แสนบาท แต่มีเงื่อนไขว่า จะต้องลงทุนครั้งเดียวภายในเดือนพ.ค.-มิ.ย.นี้

ทั้งนี้ เราพบว่า นักลงทุนที่ลงทุนในกองทุน LTF ราวเป็น 80%เป็นนักลงทุนกลุ่มที่มีฐานะ โดยมีสัดส่วนการลงทุนอยู่ใน 30% แรกของกองทุน ปัจจุบันมีเงินลงทุนที่คงค้างในกองทุน LTF ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท

เขากล่าวว่า สาเหตุที่รัฐบาลต้องอนุมัติจัดตั้งกองทุน Thai ESG Extra นั้น เพราะต้องการให้ทางเลือกแก่นักลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนกองทุน LTF ไม่เทขายหน่วยลงทุนออกไป และให้มาถือต่อในกองทุน Thai ESG Extra ซึ่งที่ผ่านมานั้น ดัชนีหุ้นไทยก็ได้ทยอยปรับลดลงจากที่เคยอยู่ 1,400-1,500 จุด เมื่อ 6 เดือนก่อน มาอยู่ที่ประมาณ 1,200 จุด แต่เมื่อมีข่าวไม่ดีจากสถานการณ์ทั่วโลก ดัชนีก็จะไหลลงมาอยู่ที่ 1,100 จุด เมื่อข่าวซาลง ดัชนีก็จะดีดขึ้น จากสถานการณ์ดังกล่าวก็ทำให้นักลงทุนในกองทุน LTF ทยอยขายหน่วยลงทุน

“วันนี้ สถานการณ์ทั่วโลก โดยเฉพาะนโยบายของสหรัฐที่มีต่อประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีน เม็กซิโก แคนาดา ก็ส่งกระทบหมด เพราะประเทศเหล่านี้ก็เป็นคู่ค้าประเทศอื่นด้วย ถ้าเราไปนั่งดูดัชนีตลาดหุ้นอื่น เช่น แนสแดก เอสแอนด์พี ก็ลงหนัก เฉพาะเอสแอนด์พีลงมา 8% กว่าแล้ว และแนสแดก็ลงเยอะ ไทยก็ลงด้วย สังเกตทุกครั้งที่มีข่าวก็ไหลลงมาจาก 1,200 มาที่ 1,100 กว่า พอข่าวซาก็กลับขึ้นมา เราก็มาดูว่า เรื่องการลงทุนหุ้นในกลุ่ม ESGที่จะเป็นกลุ่มที่สร้างความยั่งยืน”

เขากล่าวด้วยว่า เมื่อเราออกมาตรการนี้ ก็จะมีคำถามว่า เราจะสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนได้อย่างไร ในเรื่องนี้ เรามีหลายเรื่องที่ต้องทำ เรากำลังเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาคุยเรื่องการสร้างความยั่งยืนใน ESG ได้อย่างไร โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ก็ต้องมาช่วยปรับตัว ขณะเดียวกัน จะมีมาตรการหลายอย่างเรียกความเชื่อมั่นว่า จะทำอย่างไรให้คนที่มาลงทุนไม่เรียบร้อยหรือไม่ถูกต้อง ทำให้นักลงทุนรายย่อยเสียหาย ได้รับบทลงโทษทันที

“เรากำลังออกกฎหมายให้อำนาจก.ล.ต.มีอำนาจดำเนินการเร่งด่วน เพื่อดูแลนักลงทุนส่วนน้อย คิดว่า พ.ร.ก.นี้สำคัญ คาดจะสรุปเพื่อเข้าครม.ในเร็วๆนี้ จำเป็นต้องทำเพื่อสร้างเชื่อมั่นว่า ต่อไปนี้ถ้าใครลงทุนในหุ้นไม่เป็นตามที่ควรเป็นจะได้รับการลงโทษตามกฎหมายอย่างรวดเร็ว”