รีเซต

"แอลพีเอ็นฯ" ชี้ "โควิด-ศก." ฉุดที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ปีนี้ติดลบ 30-70%

"แอลพีเอ็นฯ" ชี้ "โควิด-ศก." ฉุดที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ปีนี้ติดลบ 30-70%
มติชน
24 เมษายน 2563 ( 12:13 )
45
"แอลพีเอ็นฯ" ชี้ "โควิด-ศก." ฉุดที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ปีนี้ติดลบ 30-70%
LPN Wisdom คาดการณ์การเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ปี 2563 ติดลบร้อยละ 30-70 เมื่อเทียบกับปี 2562 เป็นผลมาจากกำลังซื้อที่ลดลงและความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส สายพันธ์ใหม่ 2019 (โควิด-19)

 

นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพีนี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงปัจจุบัน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ โดยล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการปรับประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยจากที่คาดว่าจะเติบโตในอัตราร้อยละ 2.8 ลงมาอยู่ที่ติดลบร้อยละ 5.3  (ยังไม่รวมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะออกมา)

 

นายประพันธ์ศักดิ์กล่าวว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อภายในประเทศและการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำให้แนวโน้มการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563  มีแนวโน้มลดลง ทำให้  LPN Wisdom ปรับการคาดการณ์แนวโน้มการเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่คาดว่าจะปรับตัวลดลงร้อยละ 6 มาอยู่ที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 30  70 ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยแบ่งแนวทางการศึกษาไว้ 3 แนวทาง กล่าวคือ

 

นายประพันศักดิ์กล่าวว่า กรณีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลงในไตรมาสสองของปี 2563 เศรษฐกิจฟื้นตัวในไตรมาสสามของปี  2563 LPN Wisdom คาดว่าจำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2563 จะอยู่ที่ 70,000-75,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 250,000-270,000 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 30-35 เมื่อเทียบกับปี 2562 กรณีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้นในไตรมาสสามของปี 2563 เศรษฐกิจฟื้นตัวในไตรมาสสี่ของปี 2563  LPN Wisdom คาดว่าจำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่

 

ในปี 2563 จะอยู่ที่ 50,000-55,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 175,000-190,000 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 50-55 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2562และกรณีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยืดเยื้อไปจนถึงสิ้นปี 2563 LPN Wisdom คาดว่าในปี 2563 จะมีจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ 35,000-40,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 120,000-135,000 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 65-70 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2562

 

นายประพันธ์ศักดิ์กล่าวว่า ในขณะที่ไตรมาสแรกของปี 2563 บริษัทอสังหาริมทรัพย์มีการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 66 โครงการลดลงร้อยละ 23 จากการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 86 โครงการในปี 2562 คิดเป็นจำนวนยูนิตที่เปิดใหม่ในไตรมาสแรกของปี 2563 17,180 ยูนิต ลดลงร้อยละ 38 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2562 คิดเป็นมูลค่าโครงการเปิดใหม่ในไตรมาสแรกของปี 2563  61,950 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับมูลค่าการเปิดโครงการใหม่ 86,359 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2562

 

นายประพันธ์ศักดิ์กล่าวว่า ทิศทางการเปิดตัวโครงการใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสแรกของปี 2563 เน้นการเปิดตัวโครงการในแนวราบเป็นหลัก ทำให้มีจำนวนการเปิดตัวที่อยู่อาศัยในแนวราบทั้งบ้านเดียว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ 8,630 ยูนิต ในไตรมาสแรกปี 2563  เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2562 

 

ขณะที่การเปิดตัวอาคารชุดในไตรมาสแรกของปี 2563 มีจำนวนทั้งสิ้น 8,512 ยูนิต หรือ ลดลงร้อยละ 56 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2562ทำเลที่มีการเปิดตัวโครงการอาคารชุดในไตรมาสแรกของปี 2563 อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (circle line) ที่มีการเดินรถเชื่อมต่อกันเมื่อปลายปี 2562  และ ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-ศรีนครินทร์-สำโรง ที่จะเปิดใช้งานปี 2564 ขณะที่แนวราบจะอยู่ในย่านรังสิตปทุมธานี และบางนาศรีนครินทร์ เนื่องจากเป็นทำเลที่มีเส้นทางคมนาคมได้สะดวก

 

“การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังในการเปิดตัวโครงการใหม่ เนื่องจากมีข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มีการปรับกลยุทธการขายโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการสื่อสารการตลาดและการขายมากขึ้น เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ให้กับผู้ประกอบการที่น่าสนใจ ถ้ากลยุทธ์ดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด ก็จะเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์การขายของผู้ประกอบการในช่วงวิกฤติและอาจจะมีส่วนทำให้ความมั่นใจของผู้ประกอบการในการเปิดตัวโครงการใหม่ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องจับตามอง” นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว