รีเซต

THANI ปล่อยกู้จำนำทะเบียน เพิ่มเป้าสินเชื่อใหม่ 2.8 หมื่นล.

THANI ปล่อยกู้จำนำทะเบียน เพิ่มเป้าสินเชื่อใหม่ 2.8 หมื่นล.
ทันหุ้น
29 สิงหาคม 2565 ( 12:46 )
142

#THANI #ทันหุ้น – THANI พร้อมปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียน หลังได้รับใบอนุญาต เจาะฐานลูกค้าเดิมกว่า 6 หมื่นราย ตั้งเป้าสิ้นปล่อยกู้ปีนี้ 500-1,000 ล้านบาท ดีมานด์สินเชื่อพุ่ง เพิ่มเป้าสินเชื่อใหม่แตะ 28,000 ล้านบาท จากเดิมที่ 26,000 ล้านบาท ขณะที่คุม NPL อยู่ระดับที่ 2.38% โบรกประเมินกำไรขยายตัว

 

นายโกวิท รุ่งวัฒนโสภณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI  เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้รับใบอนุญาตการปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียน และได้วางระบบเพื่อที่จะรองรับการปล่อยสินเชื่อใหม่ๆ ปัจจุบันเริ่มปล่อยสินเชื่อไปเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีการปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนได้ไม่ต่ำกว่า 500-1,000 ล้านบาท โดยจะเน้นการปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มลูกค้าเดิมที่บริษัทมีอยู่กว่า 60,000-70,000 ราย

ไตมาส4 โตแรง

 

นายโกวิท มองว่า ทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2565 จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของกลุ่มรถบรรทุก เนื่องจากอยู่ในช่วงของฤดูฝน แต่บริษัทคาดในไตรมาสที่ 4/2565 จะกลับมาเติบโตได้เป็นอย่างดี โดยคาดว่าผู้ประกอบการรถบรรทุกจะมียอดขายทำสถิติสูงสุดใหม่ในปีนี้ หรือมีการเติบโตได้ราว 15% จากปีก่อน โดยปัจจัยหนุนมาจากการค้าชายแดนที่มีการเติบโต ในกลุ่ม สปป.ลาว, เมียนมา และ กัมพูชา รวมไปถึงด่านชายแดนมาเลเซีย ที่เปิดให้มีการเดินทางผ่านได้แล้ว

 

สำหรับเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อใหม่ ในปีนี้บริษัทได้มีการปรับเพิ่มขึ้นเป็น 28,000 ล้านบาท จากเดิมที่ 26,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีพอร์ตสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นปีเพิ่มขึ้นเป็น 53,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ 50,000 ล้านบาท หลังจากช่วงครึ่งปีแรกมีพอร์ตสินเชื่อแล้ว 50,791 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ในช่วงที่เหลือของปี บริษัทจะเน้นการปล่อยสินเชื่อในกลุ่มรถกลุ่มรถบรรทุกยังมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เเละเน้นการปล่อยสินเชื่อไปยังกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดใหญ่ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท

 

“ยอดการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องคาดว่าจะมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และ เริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยที่จะช่วยหนุนการอุปโภค และ บริโภคฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง “

 

บริษัทสามารถควบคุมตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ระดับ 2.38% ต่ำกว่าที่บริษัทคาดไว้ที่ไม่เกิน 4% หลังจากที่บริษัทได้ยกเลิกมาตรการช่วยเหลือลูกค้า และได้กลับมาจัดการปัญหากับลูกค้ารายที่มีปัญหา ส่งผลให้ NPL ปรับตัวลดลง และคาดว่าจะยังสามารถปรับตัวลดลงได้อีกหลังจากนี้

 

นอกจากนี้สินเชื่อสำหรับกลุ่มรถ Luxury Cars คาดว่าจะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ปริมาณรถที่เข้ามายังประเทศไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น และมียอดจองรถจำนวนมากขึ้น

 

โบรกคาดกำไรกลับมาโต

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DAOLระบุถึง บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI ว่า กำไรสุทธิปี 2565-2566 จะกลับมาขยายตัวจากการที่ สินเชื่อที่จะกลับมาขยายเพิ่มขึ้นปีละ 7-8% เทียบจากปีก่อนจากที่ทรงตัวถึงหดตัวในช่วงโควิด-19 จากความต้องการรถบรรทุก และยอดขายรถบรรทุกในประเทศที่สูง เพื่อรองรับการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

 

รวมทั้งเริ่มดำเนินธุรกิจสินเชื่อจำน าทะเบียนรถบรรทุกในปลายไตรมาสที่ 3/2565 รวมถึง cost to income เพิ่มขึ้นเป็น 19% เเละ credit cost ที่ทรงตัวในระดับสูงที่116/86 bps เพื่อรองรับการบริหารจัดการ NPL ที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงเงินเฟ้อผ่านการตัดจำหน่ายหนี้สูญและการติดตามหนี้ที่เข้มงวดขึ้น เพื่อให้ NPL ทรงตัวที่3.7% ให้ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท คงคำแนะนำ“ซื้อ”

 

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แม้ว่ายอดขายรถยนต์นั่งรวมของประเทศไทยในปี 64 จะลดตํ่าลง แต่ยอดขายรถบรรทุกยังคงเติบโตได้จากความต้องการในธุรกิจ logistic โดย THANI นั้นมีพอร์ตเช่าซื้อรถบรรทุกอยู่มากที่สุด โดยคิดเป็นสัดส่วน 67% ของสินเชื่อทั้งหมด และถือเป็นเจ้าตลาดในสินเชื่อประเภทนี้ นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าสินเชื่อเช่าซื้อประเภทอื่นจะได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 แต่สินเชื่อเช้าซื้อรถหรูกลับไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยสินเชื่อประเภทนี้คิดเป็นสัดส่วน 25% ของสินเชื่อทั้งหมดของ THANI

 

ทางฝ่ายยังคงประมาณการกำไรปี 65 ของ THANI ไว้ที่ 1.9พันล้านบาท โดยคาดความต้องการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกยังคงเติบโตตามการขยายตัวของธุรกิจ logistic และคาดสินเชื่อเช่าซื้อรถหรูจะยังเติบโตต่อด้วย นอกจากนี้ หลังจากตั้งสำรองเป็นจำนวนมากไปแล้วในปี 64 คาดว่าการตั้งสำรองในปี 65จะลดต่ำลง และทำให้กำไรเพิ่มสูงขึ้น ยังคงราคาพื้นฐานไว้ที่ 4.85 บาท ยังคงมีส่วนต่างอยู่พอสมควร จึงยังคงแนะนำ “ทยอยซื้อ”

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง