แม่ฮ่องสอน พบคลัสเตอร์ครูติดเชื้อ 12 ราย เจอดราม่าไม่แจ้งไทม์ไลน์ย้อนหลัง
แม่ฮ่องสอน พบคลัสเตอร์ใหม่ ในข้าราชการครู อ.สบเมย 12 ราย พบผู้ป่วยไม่แจ้งไทม์ไลน์ย้อนหลัง 14 วัน จนทำให้เกิดกระแสดราม่าในโซเชียล
เมื่อวันที่ 2 ก.ย.64 นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ในการระบาดระลอกใหม่เมษายน 2564 ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ของวันที่ 1 ก.ย.64 ว่า มีผู้ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด 82 ราย พบเชื้อ 12 ราย เป็นผู้ป่วยในจังหวัดทั้งหมด โดยมีรายละเอียด ดังนี้
สำหรับผู้ป่วยทั้ง 12 ราย เป็นข้าราชการครูในพื้นที่ อ.สบเมย และสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษาใน อ.แม่สะเรียง รวมไปถึงผู้ใกล้ชิด ก่อนหน้าจะพบว่าติดเชื้อ กลุ่มครูศึกษานิเทศน์ เดินทางไปนิเทศน์งานที่ โรงเรียนบ้านสบเมยและบ้านบุญเลอ ช่วงระหว่างวันที่ 26-27 ส.ค.64 โดยผู้ที่ติดเชื้อคิดว่าตนติดเชื้อในจุดที่เดินทางไปนิเทศน์งาน
ขณะที่คนทั่วไป อ่านไทม์ไลน์แล้ว มีข้อสงสัยว่า ทำไมพบเชื้อรวดเร็วและเชื่อว่าตนเองติดที่ร.ร.บ้านสบเมย และบ้านบุญเลอ ทั้งที่การติดเชื้อส่วนใหญ่จะใช้ระยะฟักตัวของไวรัสนานมากกว่านั้น แล้วทำไมไม่ยอมแจ้งไทม์ไลน์ก่อนหน้านั้น ทำให้เกิดกระแสดราม่าในสื่อโซเชียล เนื่องจากคนที่อ่านไทม์ไลน์ต้องการทราบว่า ก่อนหน้านั้นไปที่ไหนบ้าง จะได้ตระหนักและหาทางป้องกันตัวเองไม่ไปในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม
สรุปสถานการณ์ปัจจุบัน ณ วันที่ 1 กันยายน 2564 จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เข้ารับการรักษาในจังหวัด ระลอกเมษายน จำนวน 294 รายเป็นเพศชาย 161 ราย (55%) เพศหญิง 133 ราย (45%) เสียชีวิต 3ราย (1%) รักษาหายแล้ว 244 ราย (83%) ยังอยู่ระหว่างรักษา 47 ราย (16%) รักษาอยู่ที่ รพ.ศรีสังวาลย์ 5 ราย รพ.แม่สะเรียง 21 ราย รพ.ปาย 6 ราย CI ห้วยมะโอ 1 ราย และรพ.สนาม 14 ราย
นายเอกชัย คำลือ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยถึงอาการของผู้ป่วยที่ยังอยู่ระหว่างการรักษาทั้ง 47 ราย ว่า เป็นผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย 38 ราย ปานกลาง 6 ราย และรุนแรง 3 ราย โดยผู้ป่วยที่พบในการระบาดรอบนี้มักมีภาวะปอดอักเสบราว 30-40% และผู้ป่วยที่เสียชีวิตมากกว่า 90 % เป็นผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ส่วนใหญ่กลุ่มคนเหล่านี้จะไม่ได้ทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือไม่เคยเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงมาก่อน แต่ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อเกิดจากบุคคลในครอบครัว
สำหรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคกรณีพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อนในครั้งนี้ สั่งห้ามไม่ให้เดินทางเข้า-ออก ในหมู่บ้านสบเมย, บ้านพะละอึ, บ้านพะคุยแฮ, บ้านโกหง่อคี, บ้านปู่ทา, บ้านกลอเซโล, บ้านบุญเลอร์หลวง-น้อย และ บ้านโตแฮ ซึ่งมีเด็กนักเรียนเข้าเรียนในโรงเรียนที่มีครูป่วย
ส่งทีมควบคุมโรคออกตรวจคัดกรองเชิงรุกเพื่อค้นหา ผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมในหมู่บ้านดังกล่าว ทำลายเชื้อในโรงเรียนและในหมู่บ้านสบเมย รณรงค์ให้สุขศึกษา แจกหน้ากาก อนามัย เจลล้างมือ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในหมู่บ้านและพื้นที่ใกล้เคียงมารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
นายทศพล ดิษฐ์ศิริ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวถึงความคืบหน้าของการ ควบคุมโรค คลัสเตอร์หมู่บ้านห้วยมะโอ หมู่ 2 ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย ว่าทีมสอบสวนควบคุมโรคได้ตรวจคัดกรองเชิงรุก ด้วยชุดตรวจ Rapid antigen ซ้ำอีกครั้ง เมื่อวันที่ 31 ส.ค.64 จำนวน 155 ราย ผลเป็นบวก 12 ราย ทั้งหมดไม่มี อาการป่วย ให้รักษาโดยการแยกกักตัวที่บ้าน ( Home Isolation ; HI) รวมผู้ป่วยที่พบในการระบาดคลัสเตอร์นี้ ทั้งหมด 30 ราย เป็นผู้ป่วยยืนยัน 11 ราย และเป็นผู้ป่วยเข้าข่าย (มีผล Rapid antigen Positive) 19 ราย
ในวันเดียวกัน ทางโรงพยาบาลศรีสังวาลแม่ฮ่องสอน รายงานผลการตรวจพบเชื้อโรคโควิด 19 ของเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์แม่ฮ่องสอน โดยผู้ป่วยให้ประวัติว่า เมื่อวันที่ 23 ส.ค.64 เดินทางโดยรถยนต์ไปรษณีย์ไปนิเทศน์งานที่ ไปรษณีย์อำเภอแม่สะเรียง (ไป-กลับ) ทานข้าวที่ร้านข้าวมันไก่ ข้าง ธนาคาร ธกส. และร้านกาแฟพะมะลอ
วันที่ 24-26 ส.ค.64 ทำงานที่ไปรษณีย์อำเภอเมือง ทานข้าวที่บ้านพัก
วันที่ 27 ส.ค.64 ติดตามการขนส่งกระเทียมที่บริษัท Flash บ้านนาปลาจาด ต.ห้วยผา อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน และทำงานที่ไปรษณีย์อำเภอเมือง ทานข้าวที่บ้านพัก
วันที่ 28 ส.ค.64 อยู่บ้านพักและทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเมืองปอน
วันที่ 29 ส.ค.64 อยู่บ้านพักและทานข้าวที่ร้านอาหารพอเพียง และร้านกาแฟห้วยห้อม
วันที่ 30 ส.ค.64 อยู่บ้านพักตลอด
วันที่ 31 ส.ค.64 ทานข้าวที่ร้านอาหารพอเพียงและมารับบริการตามนัดผ่าตัดตาต้อกระจกที่โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ ซึ่งเคสเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ดังกล่าว ไม่ได้นำไปรวมกับเคสคลัสเตอร์ที่ อ.สบเมย ทั้งที่แถลงข่าวของจังหวัดในวันเดียวกัน
ล่าสุดจากการดำเนินการสอบสวนโรค และค้นหาผู้สัมผัสเพิ่มเติมในพื้นที่ จากการสอบสวนโรคมีผู้สัมผัสทั้งหมด 62 ราย โดยแยกเป็น ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 7 ราย ได้แก่ ภรรยา เพื่อนร่วมงานที่ทำงานห้องเดียวกัน จำนวน 4 ราย และบุคลากรสาธารณสุข จำนวน 2 ราย ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จำนวน 55 ราย ได้แก่ เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ จำนวน 32 ราย
บุคลากรสาธารณสุข จำนวน 12 ราย ผู้ป่วยที่มารับบริการที่ห้องตรวจตา จำนวน 5 ราย ผู้ป่วยที่ตึกผู้ป่วยศัลยกรรมชาย จำนวน 6 ราย และดำเนินการค้นหาผู้สัมผัสเชิงรุก ณ ที่ทำการไปรษณีย์อำเภอเมือง จำนวน 36 ราย โดยวิธี Antigen Test Kit (ATK)ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลตรวจ