รีเซต

JMART กำไรสุทธิ Q3/68 ทรุด 67.1% เหลือ 154.9 ล้านบาท

JMART กำไรสุทธิ Q3/68 ทรุด 67.1% เหลือ 154.9 ล้านบาท
ทันหุ้น
12 พฤศจิกายน 2568 ( 09:16 )
6

JMART กำไรสุทธิ Q3/68 ทรุด 67.1% เหลือ 154.9 ล้านบาท เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.13 บาท/หุ้น 

#ทันหุ้น #SET #JMART บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) JMART บริษัทมีรายได้รวมในไตรมาส 3 ปี 2568 จำนวน 3,894.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 403.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมสำหรับงวด 9 เดือน ปี 2568 จำนวน 11,441.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 963.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสามารถแยกตามประเภทรายได้ได้ดังนี้

  1. รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า
    ในไตรมาส 3 ปี 2568 มีรายได้ 2,723.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 517.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2568 มีรายได้ 7,844.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,296.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.8% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของยอดขายในธุรกิจจำหน่ายมือถือของ “เจมาร์ท โมบาย” ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จของการขยายเครือข่าย “Jaymart Network” ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการกระจายสินค้าและการเข้าถึงลูกค้า
  2. รายได้ดอกเบี้ยจากการซื้อหนี้และกำไรจากการให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ (ธุรกิจบริหารหนี้)
    ในไตรมาส 3/2568 มีรายได้ 987.9 ล้านบาท ลดลง 79.3 ล้านบาท หรือลดลง 7.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2568 มีรายได้ 3,036.1 ล้านบาท ลดลง 240 ล้านบาท หรือลดลง 7.3% จากปีก่อน เนื่องจากการจัดเก็บหนี้จากพอร์ตลูกหนี้ด้อยคุณภาพลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและหนี้ครัวเรือนในระดับสูง ส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้โดยรวม
  3. รายได้ค่าเช่า
    ในไตรมาส 3/2568 มีรายได้ 108.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.2% จากปีก่อน และในงวด 9 เดือน ปี 2568 มีรายได้ 316.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.6% จากปีก่อน โดยมาจากการเปิดคอมมูนิตี้มอลล์ใหม่ของ “เจเอเอส” ได้แก่ JAS Green Village ประเวศ (เปิดไตรมาส 2/2567) และ JAS Green Village รามคำแหง (เปิดไตรมาส 3/2567)
  4. รายได้จากการรับประกันภัย
    อยู่ที่ 74.8 ล้านบาท ลดลง 46.5 ล้านบาท หรือลดลง 38.3% จากปีก่อน ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2568 มีรายได้ 244.7 ล้านบาท ลดลง 130.7 ล้านบาท หรือลดลง 34.8% จากปีก่อน เนื่องจาก “เจมาร์ท ประกันภัย” มุ่งเน้นการให้บริการในประกันภัยที่มีอัตราส่วนความเสียหาย (Loss Ratio) ต่ำลง เพื่อควบคุมความเสี่ยง

กำไรขั้นต้น

บริษัทมีกำไรขั้นต้นตามงบการเงินรวมสำหรับไตรมาส 3 ปี 2568 จำนวน 1,121.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.3% จากปีก่อน เนื่องจากยอดขายโทรศัพท์มือถือของ “เจมาร์ท โมบาย” ที่เติบโตและรายได้ค่าเช่าจากศูนย์การค้าชุมชนที่เปิดใหม่ ส่วนกำไรขั้นต้นงวด 9 เดือน ปี 2568 อยู่ที่ 3,302.9 ล้านบาท ลดลง 44.4 ล้านบาท หรือลดลงเล็กน้อย 1.3%

ขาดทุนจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน

ในไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมีผลขาดทุนจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน 97.9 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 154.5 ล้านบาท หรือลดลง 273% และในงวด 9 เดือน ปี 2568 มีผลขาดทุน 156.4 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 375.7 ล้านบาท หรือลดลง 171.3% เนื่องจากการลดลงของมูลค่ายุติธรรมตามอายุสัญญาเช่าของศูนย์การค้าชุมชน และในปี 2567 บริษัทมีการเปิดโครงการใหม่ที่สร้างกำไรจากการปรับมูลค่าเพิ่มขึ้น

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร

บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมในไตรมาส 3 ปี 2568 จำนวน 883.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.3% จากปีก่อน ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2568 อยู่ที่ 2,546.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 230.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน เนื่องจากผลขาดทุนด้านเครดิต (ECL) ที่เพิ่มขึ้นในบริษัทลูก “เจเอ็มที”

ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม

ในไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน 83.6 ล้านบาท ลดลง 26.4 ล้านบาท หรือลดลง 24% จากปีก่อน เนื่องจากส่วนแบ่งขาดทุนจากการปรับปรุงรายได้สนับสนุนแบรนด์ของ “ซิงเกอร์” ที่เปลี่ยนวิธีรับรู้รายได้จากการรับรู้ครั้งเดียวเป็นการทยอยรับรู้ตามระยะเวลา

ในงวด 9 เดือน ปี 2568 บริษัทมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน 336.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 35.6% จากปีก่อน เนื่องจากการฟื้นตัวของ “KB J Capital” ซึ่งมีกำไรติดต่อกันทั้ง 3 ไตรมาส รวมถึงได้รับส่วนแบ่งกำไรจาก “สุกี้ตี๋น้อย” เพิ่มเติม

กำไรสุทธิสำหรับงวด

บริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2568 จำนวน 154.9 ล้านบาท ลดลง 315.6 ล้านบาท หรือลดลง 67.1% จากปีก่อน และในงวด 9 เดือน ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 645.4 ล้านบาท ลดลง 808.6 ล้านบาท หรือลดลง 55.6% จากปีก่อน 

แม้ว่าธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือจะเติบโตและมีกำไรเพิ่มขึ้น แต่ธุรกิจบริหาร NPL และ NPA จัดเก็บหนี้ได้ต่ำกว่าเป้าหมาย ส่งผลให้ต้องตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิต (ECL) เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีผลขาดทุนจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในคอมมูนิตี้มอลล์ทุกโครงการ อันเกิดจากการลดลงของมูลค่าสิทธิการใช้ (ROU) ตามอายุสัญญา

กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท

บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นในไตรมาส 3 ปี 2568 จำนวน 82.5 ล้านบาท ลดลง 172.8 ล้านบาท หรือลดลง 67.7% จากปีก่อน ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2568 อยู่ที่ 333.8 ล้านบาท ลดลง 497 ล้านบาท หรือลดลง 59.8% จากปีก่อน โดยมีสาเหตุสอดคล้องกับผลกำไรสุทธิรวมของบริษัทในงวดเดียวกัน.

เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.13 บาท/หุ้น 

จากผลดำเนินงานครึ่งปีแรก ตอกย้ำความเชื่อมั่นในกลุ่มบริษัทฯ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดให้กับผู้ถือหุ้นสามัญ อัตราการจ่ายปันผล: 0.13 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิ (Record Date): 25 พฤศจิกายน 2568 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD): 24 พฤศจิกายน 2568 วันที่จ่ายปันผล: 11 ธันวาคม 2568

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง